ศูนย์ข่าวศรีราชา - โดนจนได้..เมืองพัทยา ลุยปิด 3 หมายหลังบ้านสุขาวดี หลังพบบุกรุกที่สาธารณะสร้างอาคารขนาดใหญ่ สั่งห้ามก่อสร้าง ต่อเติมและใช้อาคาร พร้อมให้รื้อถอนใน 45 วัน
วันนี้ ( 12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีที่มีการตรวจสอบพบว่า บริเวณทางเท้าสาธารณะ หลังบ้านสุขาวดี ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และมีแนวติดกับทะเลตลอดความยาวนับร้อยเมตร ซึ่งเมืองพัทยา ได้จัดสร้างไว้เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ในการสัญจรไปมา แต่กลับปรากฏว่า มีการนำภาพพื้นที่ดังกล่าวไปเผยแพร่ในโลกสังคมออนไลน์ ในลักษณะการพัฒนาพื้นที่ด้วยการนำหญ้าเทียมมาปูทับทางเท้า และยังมีการจัดทำบันไดขึ้น-ลงกินพื้นที่สาธารณะหลายจุด จนเกิดกระแสรวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมเป็นอย่างมากนั้น
ล่าสุด นายวิเชียร พงษ์พานิช รองนายกเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายอธิพัชร์ ยิ่งศิริธัญรัฐ รองปลัดเมืองพัทยา ,นายมรุต อุทัยวัฒนานนท์ วิศวกรโยธา ,นายธิปชัย รัตนวีระถาวร รักษาการผู้อำนวยการส่วนผังเมือง หัวหน้าฝ่ายดูแลรักษาและคุ้มครองที่สาธารณะ, เจ้าหน้าที่ สำนักการช่างเมืองพัทยา ,เจ้าหน้าที่เทศกิจ และกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.14 ได้ร่วมกันเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสภาพแนวทางเดินสาธารณะ
ทั้งนี้ พบว่าหลังจากที่เมืองพัทยา ได้นำแผงเหล็กมาปิดกั้นห้ามไม่ให้มีการนำรถบัสขนาดใหญ่เข้ามาวิ่งรับส่งนักท่องเที่ยว แต่ก็ยังพบว่าตลอดแนวทางเดินเท้าถูกนำหญ้าเทียมมาปูไว้จนเป็นสีเขียวตลอดความยาวหลายร้อยเมตร รวมทั้งมีการจัดทำบันไดขึ้น-ลงจากบ้านสุขาวดีมายังทางเท้าสาธารณะ และจัดตั้งเก้าอี้ไม้หลายจุดตลอดแนวทางเดิน ถือเป็นการดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาตและถือเป็นการบุกรุกที่สาธารณะ
เบื้องต้น ได้สั่งให้ทำการรื้อถอนสิ่งบุกรุกต่างๆ โดยทันที พร้อมให้ บ้านสุขาวดี ดำเนินการตามกฎหมาย พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 ในมาตรา 39 โดยตรวจยึดสิ่งของทั้งหมดมายังเมืองพัทยา เพื่อให้ผู้บุกรุกชำระค่าเปรียบเทียบปรับต่อไป
พร้อมกันนี้ เมืองพัทยา ยังได้นำป้ายประกาศขนาดใหญ่เป็นประกาศเมืองพัทยา ระบุข้อความว่า “บริเวณนี้เป็นที่สาธารณะประโยชน์ ผู้ใดบุกรุกหรือครอบครอง เป็นการกระทำความผิดฐานเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ ตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ต้องระวางโทษตามที่ประมวลกฎหมายที่ดินกำหนดไว้ จึงขอให้ดำเนินการรื้อถอนอาคารที่ปลูกสร้างบนที่สาธารณะตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
ก่อนจะทำการปิดหมาย ค.7 หรือหมายคำสั่งรื้อถอนอาคารตามมาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 กรณีก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคาร กระทำการโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้
ทั้งนี้ เมืองพัทยา ยังได้แจ้งความดำเนินคดีเพื่อให้ บริษัท เฮลท์ฟู้ด อินเตอร์เนชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด รื้อถอนอาคารโครงเหล็ก 1 ชั้น ขนาด 25x61 เมตร จำนวน 1 หลัง ที่ใช้เป็นเวที, ห้องครัว และป้ายขนาด 7X9 เมตร จำนวน 2 ป้าย ภายใน 45 วันนับแต่วันที่ 11 ก.ค.2561เป็นต้นไป
นอกจากนี้ยังได้ปิดหมาย ค.4 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้อาคารดังกล่าว และหมาย ค.3 เพื่อระงับการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคาร ตามาตรา 10 วรรค 1 และ มาตรา 41 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ.ควบ คุมอาคาร พ.ศ.2522 ซึ่งปัจจุบันเมืองพัทยา ได้มอบหมายให้นิติกร รวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินการแต่งความดำเนินคดีตามลำดับ
“ กรณีนี้เมืองพัทยาตรวจสอบแล้ว พบว่ามีปัญหาที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้นหลายกรณี ทั้งทางเดินเท้าที่มีการนำเก้าอี้ไปวางไว้ ก็ได้ให้เทศกิจจัดเก็บไปแล้ว ส่วนอาคาร ก็ต้องรื้อถอนออกไปในระยะเวลาที่กำหนดคือ 45 วัน ส่วนพื้นที่อื่นๆที่มีการลุกล้ำ เมืองพัทยา ก็จะเดินหน้าจัดระเบียบต่อไป ซึ่งในครั้งนี้ แม้ว่าจะไม่มีตัวแทนของบ้านสุขาวดี ออกมาพูดคุย หรือรับทราบเหตุการณ์แต่ เมืองพัทยา ก็ได้ทำการปิดหมายพร้อมดำเนินการตามขั้นตอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”นายวิเชียร กล่าว