พิษณุโลก - ชาวโซเชียลแห่แชร์คลิปสะเทือนใจ ป้าแท้ๆ สาดน้ำร้อนใส่สามพ่อลูกชาวเนินมะปรางจนบาดเจ็บ เพื่อนบ้านทนไม่ไหวถ่ายคลิปโพสต์ว่อน แถมรันทดซ้ำ พบฐานะยากจน ได้บ้านฟรีจังหวัดฯสร้างให้ แต่ไม่มีไฟฟ้าใช้มาหลายปี
พิษณุโลก - ชาวโซเชียลแห่แชร์คลิปสะเทือนใจ ป้าแท้ๆ สาดน้ำร้อนใส่สามพ่อลูกชาวเนินมะปรางจนบาดเจ็บ เพื่อนบ้านทนไม่ไหวถ่ายคลิปโพสต์ว่อน แถมรันทดซ้ำ พบฐานะยากจน ได้บ้านฟรีจังหวัดฯสร้างให้ แต่ไม่มีไฟฟ้าใช้มาหลายปี
วันนี้(25 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ปรมินทร์ เกษมสุข” ได้โพสต์คลิปวิดีโอและข้อความว่า สามพ่อลูกถูกป้าแท้ๆ สาดน้ำร้อนหุงข้าวใส่ เพราะเรื่องเข้าใจผิดในครอบครัว จนทำให้ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บมีแผลพุพองจากน้ำร้อนลวกตามร่างกาย ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างน่าเวทนาสงสาร นอกจากนี้บ้านที่อยู่อาศัยก็ไม่มีไฟฟ้าใช้มาแรมปี เนื่องจากต้องต่อพ่วงมาจากบ้านของป้าคู่กรณี ส่งผลทำให้เด็กต้องอ่านหนังสือ หรือทำการบ้านด้วยการจุดตะเกียงเท่านั้น แต่ไม่มีความย่อท้อเพราะเป็นเด็กเรียนดี เรียนเก่ง ขยันขันแข็ง
ซึ่งปรากฎว่า ผู้คนในโลกโซเชียลฯ ต่างแห่เข้าไปให้กำลังใจครอบครัวของหนูน้อย พร้อมแชร์คลิป-ข้อความดังกล่าวออกไปอย่างแพร่หลาย เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาอย่างเร่งด่วน
ล่าสุด นายสุรกิต ศรีคำ ผอ.โรงเรียนบ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.พิษณุโลก , เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พิษณุโลก , เจ้าหน้าที่ อบต.บ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก และผู้นำท้องถิ่น ได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 17/2 หมู่ 9 ต.บ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก อ.เนินมะปราง
เพื่อสอบถามข้อมูลและเหตุการณ์ที่ปรากฎในคลิปอย่างละเอียด จากนายนิพนธ์ แหยมนุช อายุ 49 ปี เจ้าของบ้านที่ถูกน้ำร้อนสาด กับลุกสาวอีก 2 คน ที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันคือ ด.ญ.นิธิพร แหยมนุช หรือน้องแตงโม อายุ 14 ปี และ ด.ญ.สุภาพร แหยมนุช หรือน้องส้มโอ อายุ 12 ปี ทั้งคู่กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนบ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก
นายนิพนธ์ แหยมนุช เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า คลิปที่ถูกเผยแพร่ออกไปเกิดขึ้นช่วงเย็นของวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ลูกสาวตนทั้งสองคนกลับจากโรงเรียน และกำลังจะหุงข้าวทำอาหาร แต่ถูกนางสุนีย์ แหยมนุช อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นพี่สาวของตน และมีศักดิ์เป็นป้าแท้ๆ ของลูกตน เรียกให้ไปพบที่บ้านใกล้เคียงกัน แต่ตนเองบอกลูกกินข้าวให้เรียบร้อยก่อน ทำให้ป้าที่อยู่ในอาการมึนเมาเดินมาตามถึงบ้านแล้วมีปากเสียงทะเลาะกันขึ้น
จากนั้นนางสุนีย์ ได้ยกหม้อหุงข้าวที่ตั้งไว้บนเตาถ่านร้อนๆ สาดใส่ตน และลูกสาวที่เข้าห้ามปราม จนถูกน้ำร้อนเดือดๆ ลวกตามร่างกายหลายแห่ง ต่อมานางสายฟ้า อาจบุ้ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 และนางบุญสม มารอด ครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก ที่อยู่บ้านติดกันวิ่งมาดู เพราะได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวาย ก่อนจะถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน และพากันไปรักษาดูอาการที่โรงพยาบาลเนินมะปราง และลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เนินมะปราง แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
นางบุญสม มารอด ครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก กล่าวว่า ตอนแรกตนคิดว่านายนิพนธ์ แหยมนุช ผู้เป็นพ่อดื่มสุราจนมึนเมาแล้วตีลูกสาว เมื่อเดินทางมาพร้อมกับผู้ใหญ่บ้าน พบว่าเป็นเรื่องทะเลาะกันในครอบครัว ตอนนั้นตนสงสารเด็ก เพราะถูกน้ำร้อนลวกจนปวดแสบปวดร้อน จึงหายาสีฟัน และว่านหางจระเข้มาทาที่แผลบรรเทาอาการในเบื้องต้น
อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางตำรวจได้สอบปากคำคู่กรณีทั้งสองฝ่ายแล้ว ซึ่งจะดูผลตรวจจากแพทย์อีกครั้ง เพื่อลงความเห็นจะดำเนินคดีหรือไม่ เพราะอาจจะไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกันได้
แต่ที่น่าสงสารคือ บ้านที่เด็กอาศัยอยู่นั้น เมื่อก่อนเป็นที่ดินของป้าคนดังกล่าว กระทั่งทางหน่วยงานราชการได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือซื้อที่ดินให้อยู่อาศัย และได้ต่อพ่วงไฟฟ้ามาจากบ้านของป้า แต่ระยะหลังมีปากเสียงทะเลาะกัน ป้าเขาก็ไม่ยินยอมให้ใช้ไฟ เด็กสาวทั้งคู่จึงต้องจุดตะเกียงทำการบ้าน หรืออ่านหนังสือด้วยความยากลำบาก
ด้าน ด.ญ.นิธิพร แหยมนุช หรือน้องแตงโม กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ว่า ตนไม่อยากให้พ่อกับป้าทะเลาะกัน อยากให้ปรับความเข้าใจกัน และอยากมีไฟฟ้าใช้ที่บ้าน เพราะตอนนี้อยู่กันลำบาก ต้องจุดตะเกียงทำการบ้านหรืออ่านหนังสือ แสงไฟไม่เพียงพอทำให้ปวดตา
นอกจากนี้ยังอยากพบหน้าแม่แท้ๆ ที่ไม่ได้เจอกันถึง 5 ปีแล้ว เพราะพ่อกับแม่เลิกกันไป ตนกับน้องต้องอาศัยอยู่กับพ่อเพียงลำพัง ครอบครัวมีฐานะยากจน ช่วงปิดเทอมต้องไปรับจ้างพับถุงกระดาษได้ค่าแรงเพียงเล็กน้อย นำเงินพกติดตัวไปเรียนวันละ 10 – 15 บาทเท่านั้น
นายสุรกิต ศรีคำ ผอ.โรงเรียนบ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก กล่าวว่า ด.ญ.นิธิพร แหยมนุช อายุ 14 ปี คนปี่เรียนอยู่ชั้น ม.2 และ ด.ญ.สุภาพร แหยมนุช อายุ 12 ปี คนน้องเรียนอยู่ชั้น ป.6 ทั้งคู่เป็นเด็กเรียนดีมาก พี่สาวคนโตเรียนได้เกรดเฉลี่ยถึง 4.00 และสอบได้ที่ 1 ของห้องเป็นประจำ
แต่ที่น่าสงสารคือ บ้านที่เด็กอาศัยอยู่นั้น เมื่อก่อนเป็นที่ดินของป้าคนดังกล่าว กระทั่งทางหน่วยงานราชการได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือซื้อที่ดินให้อยู่อาศัย และได้ต่อพ่วงไฟฟ้ามาจากบ้านของป้า แต่ระยะหลังมีปากเสียงทะเลาะกัน ป้าเขาก็ไม่ยินยอมให้ใช้ไฟ เด็กสาวทั้งคู่จึงต้องจุดตะเกียงทำการบ้าน หรืออ่านหนังสือด้วยความยากลำบาก
ด้าน ด.ญ.นิธิพร แหยมนุช หรือน้องแตงโม กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ว่า ตนไม่อยากให้พ่อกับป้าทะเลาะกัน อยากให้ปรับความเข้าใจกัน และอยากมีไฟฟ้าใช้ที่บ้าน เพราะตอนนี้อยู่กันลำบาก ต้องจุดตะเกียงทำการบ้านหรืออ่านหนังสือ แสงไฟไม่เพียงพอทำให้ปวดตา
นอกจากนี้ยังอยากพบหน้าแม่แท้ๆ ที่ไม่ได้เจอกันถึง 5 ปีแล้ว เพราะพ่อกับแม่เลิกกันไป ตนกับน้องต้องอาศัยอยู่กับพ่อเพียงลำพัง ครอบครัวมีฐานะยากจน ช่วงปิดเทอมต้องไปรับจ้างพับถุงกระดาษได้ค่าแรงเพียงเล็กน้อย นำเงินพกติดตัวไปเรียนวันละ 10 – 15 บาทเท่านั้น
นายสุรกิต ศรีคำ ผอ.โรงเรียนบ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก กล่าวว่า ด.ญ.นิธิพร แหยมนุช อายุ 14 ปี คนปี่เรียนอยู่ชั้น ม.2 และ ด.ญ.สุภาพร แหยมนุช อายุ 12 ปี คนน้องเรียนอยู่ชั้น ป.6 ทั้งคู่เป็นเด็กเรียนดีมาก พี่สาวคนโตเรียนได้เกรดเฉลี่ยถึง 4.00 และสอบได้ที่ 1 ของห้องเป็นประจำ