เชียงราย - เมืองพ่อขุนฯ ผนึกกำลังศิลปิน-พระนักเทศก์ดังจัดกิจกรรมชูพุทธศิลป์-มหกรรมศิลปะ ปลุกกระแสการท่องเที่ยวโลว์ซีซัน ประเดิมด้วยงาน “เชิญตะวัน Art Festival” ปลายเดือนนี้ เชื่อไม่เกิน 4-5 ปีเทียบชั้นสิงคโปร์ได้
นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, นายอมร กิตติกวางทอง วัฒนธรรม จ.เชียงราย, นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย, อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะ ร่วมกันแถลงข่าวเตรียมจัดงาน "พุทธพลังแผ่นดิน อัศจรรย์งานศิลป์แผ่นดินล้านนา เชิญตะวัน Art Festival" ระหว่างวันที่ 25-31 พ.ค.นี้ภายในไร่เชิญตะวัน ต.ห้วยสัก อ.เมืองเชียงราย
พระมหาวุฒิชัย วัชรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้ก่อตั้งและอธิการบดีมหาวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์ ไร่เชิญตะวัน ส่งภาพวิดีโอร่วมแถลงจากประเทศฝรั่งเศสว่า เชียงรายเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนาและศิลปะ ดังนั้นจึงนำศิลปะมาใช้เป็นกุศโลบายให้ผู้คนเข้าถึงพุทธธรรม
แม้แต่ภายในไร่เชิญตะวันปัจจุบันก็ใช้ศิลปะล้านนาผสมผสานกับพุทธศาสนานิกายเซนจากญี่ปุ่น ซึ่งให้ความเรียบง่าย สงบและงดงามควบคู่กับการอนุรักษ์ธรรมชาติ ส่วนอาคารต่างๆ ภายในก็ล้วนมีความพิเศษ ดังนั้นภายในงานจึงจะมีการนำศิลปะแขนงต่างๆ จากศิลปินชาวเชียงรายมาจัดแสดงให้ลงตัว
เช่น ภูริดล พิมสาร ศิลปินที่ต่อยอดศิลปะพระโพธิสัตว์เพื่อสนับสนุนกิจกรรมการวิ่งก้าวคนละก้าวของตูน บอดี้สแลม จนได้เงินทุนสนับสนุนกว่า 25 ล้านบาท, พุทธรักษ์ ดาษดา โต สวรรค์บนดินที่เป็นศิลปินจิบชา ฯลฯ รวมถึงกวีนิพนธ์ของตนที่มีศิลปินนำไปต่อยอดเป็นบทเพลงดังมาแล้วมากมาย เช่น วิ่งบนถนนสะเทือนถึงหัวใจ, วันสุดท้ายของพ่อ หรือบทเพลงในละครพระพุทธเจ้าที่มีการนำไปต่อยอดอย่างน้อย 3 บทเพลง เป็นต้น
ด้านนายณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า เชียงรายมีศิลปินกว่า 400 คน และมีศิลปินรุ่นใหม่ที่กำลังต่อยอดนับ 1,000 คน ซึ่งสามารถตอบโจทย์การท่องเที่ยวของประเทศไทย และเชียงรายได้ เพราะช่วงฤดูหนาว หรือไฮซีซัน จะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันมาก แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนหรือหลังเทศกาลสงกรานต์แล้วมักจะเงียบเหงา
จังหวัดฯ จึงพยายามจัดกิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา และเมื่อศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวพบว่านอกจากอยากไปเที่ยวชมธรรมชาติแล้ว ยังอยากชื่นชมด้านศิลปะ ต้องการกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพระเกจิชื่อดัง ฯลฯ ซึ่งสังเกตได้จากการท่องเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์ซึ่งมีเพียงพื้นที่เล็กๆ แต่สามารถทำได้
นายณรงค์ศักดิ์กล่าวอีกว่า จังหวัดเชียงรายเป็น 1 ใน 3 จังหวัดที่เป็นเมืองศิลปะ ร่วมกับกระบี่ ที่มีการจัดแสดงศิลปะ แต่ก็นำผลงานจากแหล่งอื่นๆ จัดแสดง ส่วนนครราชสีมา ก็เป็นศิลปะท้องถิ่น หรือ Folk Art เป็นหลัก ขณะที่เชียงรายมีผลงานและศิลปินทุกแขนงทั้งจิตรกรรม ปฏิมากรรม สถาปัตยกรรม และดนตรี นักท่องเที่ยวก็ชอบไปเที่ยววัดร่องขุ่นที่สร้างศิลปะโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติระดับโลก, ไร่สิงห์ปาร์ค ไร่ชาฉุยฟง เป็นต้น
ดังนั้น จึงเริ่มนำสิ่งเหล่านี้มาจัดกิจกรรมช่วงโลว์ซีซัน โดยเปลี่ยนเป็นกรีนซีซันตั้งแต่ปี 60 เช่น กิจกรรมอันซีน ท่องเที่ยวชุมชน งานชิมชา การจัดสรงน้ำที่พุทธมณฑลขึ้นเป็นครั้งแรก จัดรดน้ำดำหัวตัวแทนผู้ทรงคุณวุฒิจากทุกอำเภอที่ไร่แม่ฟ้าหลวง ฯลฯ จนทำให้ตัวเลขการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 10% จากรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดตลอดปีประมาณ 25,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เชื่อว่ากิจกรรมต่างๆ เช่น พุทธพลังแผ่นดิน, อัศจรรย์งานศิลป์แผ่นดินล้านนา, เชิญตะวัน Art Festival รวมถึงการผลักดันให้เชียงรายเป็นเมืองหลวงของชาและกาแฟ โดยเชิญชวนจังหวัดต่างๆ ที่มีผลผลิตมาประชุมหารือ ซื้อขาย แลกเปลี่ยน จัดงานชาติพันธุ์เอ็กซ์โป ส่งเสริมงานประจำปีอย่างงานบูชาพระธาตุดอยตุง ซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่นให้เป็นงานระดับจังหวัด และอยู่ในปฏิทินการท่องเที่ยวระดับประเทศ ฯลฯ จะทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 30% และหากทำอย่างต่อเนื่องไปอีก 4-5 ปี ก็จะทำให้เราแข่งขันกับสิงคโปร์ได้แน่นอน
ด้านนายอมรกล่าวว่า กิจกรรมที่จะจัดขึ้นตลอด 7 วันนี้มีความหลากหลายและเป็นเอกลักษณ์ ทั้งการชมพุทธศิลป์ภายในไร่เชิญตะวัน ผลงานทางศิลปะ การแสดงสุนทรียภาพด้านดนตรี อาหารล้านนา ชา กาแฟ วรรณศิลป์ โซนปฏิบัติธรรม ฯลฯ ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำให้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวมาเที่ยวมากขึ้นในช่วงกรีนซีซันอย่างแน่นอน