ศูนย์ข่าวศรีราชา- กรมศุลกากร เปิดกระบวนการปล่อยสินค้านำเข้าทางเรือล่วงหน้า ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นแห่งแรก ณ ท่าเทียบเรือ A3 ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดยมีบริษัทนำเข้าสินค้าแห่ใช้บริการระบบดังกล่าวจำนวนมาก คาดภายในเดือน พ.ค.นี้ จะมีผู้ใช้บริการเต็ม 100%
วันนี้ (16 พ.ค.) นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เป็นประธานเปิดงานประชาสัมพันธ์กระบวนการปล่อยสินค้านำเข้าทางเรือล่วงหน้า (Pre arrival Processing by ship) ณ ท่าเทียบเรือ A 3 ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดยมี นายเชาวลิตร แสงอุทัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายนิติ วิวัฒน์วานิช นายอำเภอศรีราชา นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และนางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง ให้การต้อนรับ
การดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปตามประกาศกรมศุลกากร ที่ 5/2561 เรื่องกระบวนการทางศุลกากรล่วงหน้าก่อนสินค้ามาถึง ลงวันที่ 10 มกราคม 2561 เรื่องระบบการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก่อนเรือเข้าเทียบท่า หรือ Pre arrival Processing by ship โดยตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.เป็นต้นมา กรมศุลกากร ได้เปิดการรับรายงานเรือเข้าอิเล็กทรอนิกส์ (e-Manifest) ก่อนเรือเข้าเทียบท่า ณ ท่าเรือแหลมฉบัง โดยเป็นการเอื้อให้ตัวแทนสายเรือ และผู้นำเข้าส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องทางอิเล็กทรอนิกส์ล่วงหน้า เพื่อให้กรมศุลกากรนำข้อมูลมาประเมินความเสี่ยงของเที่ยวการขนส่งนั้นๆ
และตามขั้นตอน นายเรือ หรือตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากนายเรือ ตัวแทนเรือจะต้องส่งข้อมูลบัญชีสินค้าที่บรรทุกมากับเรือล่วงหน้าก่อนเรือมาถึงท่า 24 ชั่วโมง ส่วนเรือระยะสั้นจากกัมพูชาและเวียดนาม ให้ส่งข้อมูลล่วงหน้า 6 ชั่วโมง (จากเดิมส่งข้อมูลภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากเรือเข้าเทียบท่า) ทำให้ผู้นำเข้าตัวแทนผู้นำเข้า สามารถจัดทำและส่งข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้า ให้เข้าระบบกรมศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมชำระค่าภาษีอากร (ถ้ามี) และผู้นำเข้าจะทราบสถานะของใบขนสินค้าหลังชำระภาษีอากร เพื่อวางแผนในการรับมอบสินค้าได้เมื่อเรือมาถึงท่า เช่น ใบขนสินค้าขาเข้าสถานะ G (Green Line) ยกเว้นการตรวจสินค้า ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือจะได้รับข้อความอิเล็กทรอนิกส์จากกรมศุลกากรให้ทำการส่งมอบสินค้าได้ โดยสามารถทำการส่งมอบสินค้าให้ผู้นำเข้า หรือตัวแทนได้ทันทีที่ยกตู้คอนเทนเนอร์ลงจากเรือ
ส่วนใบขนสินค้าขาเข้าสถานะ R (Red Line) ต้องตรวจสินค้าก่อนปล่อย ผู้นำเข้า หรือตัวแทน สามารถมาพบเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ทันที โดยที่ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือจะได้รับข้อความอิเล็กทรอนิกส์จากกรมศุลกากรให้ทำการเตรียมของเพื่อตรวจได้เร็วขึ้นกว่าระบบเดิม
นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวว่า ระบบดังกล่าวได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และถือเป็นหนึ่งในแนวทางปฏิบัติที่ดีขององค์กรระหว่างประเทศ เช่น องค์การการค้าโลก (World Trade Organization) องค์การศุลกากรโลก (World Customs Organization) โดยเอื้อให้เกิดการจัดส่งข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ล่วงหน้า ทั้งตัวแทนสายเรือ และผู้นำเข้า เพื่อให้กรมศุลกากรนำข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ล่วงหน้า ทั้งตัวแทนสายเรือ และผู้นำเข้า เพื่อให้กรมศุลกากรนำข้อมูลมาประเมินระดับความเสี่ยงของเที่ยวการขนส่งนั้นๆ
และยังลดเวลาในการส่งมอบสินค้า และลดค่าธรรมเนียมในการจัดเก็บสินค้าก่อนการตรวจปล่อยออกจากอารักขาศุลกากรได้อย่างแน่นอน รวมทั้งจะสร้างความสะดวก และเรียบง่ายต่อการขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้า
โดยในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มีเรือสินค้าเข้าเทียบท่าทั้งสิ้น 637 เที่ยว แบ่งเป็นสายเดินเรือระยะยาว 489 เที่ยว สายเดินเรือระยะสั้น 148 เที่ยว
ส่วนสายเดินเรือระยะยาว มีการส่งข้อมูลล่วงหน้า 24 ชั่วโมงก่อนเรือมาถึงท่า จำนวน 349 เที่ยว คิดเป็นร้อยละ 71.4 และสายเดินเรือระยะสั้น ส่งข้อมูลล่วงหน้า 6 ชั่วโมงก่อนเรือมาถึงท่า จำนวน 143 เที่ยว คิดเป็นร้อยละ 96.6 โดยตาดว่าตัวแทนเรือจะสามารถจัดส่งบัญชีสินค้าขาเข้าล่วงหน้าได้ครบทุกสายเรือภายในเดือน พ.ค.นี้
ด้าน ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวว่า ท่าเรือแหลมฉบังพร้อมให้การสนับสนุนโครงการดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกระบวนการให้สิทธิแก่ผู้นำเข้าสินค้าเข้ามาจากต่างประเทศทางทะเล ที่สามารถยื่นใบขนสินค้าขาเข้า และยื่นชำระค่าภาษีอากรล่วงหน้า ก่อนที่เรือจะเข้ามาถึงด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งจะสามารถช่วยให้ผู้นำเข้าสามารถรับสินค้าได้ทันทีเมื่อเรือมาถึง สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนั้น ยังไม่ใช่เพียงเรื่องสนับสนุนเรื่อง Doing Business ตามนโยบายของรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสนับสนุนโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ที่มีเป้าหมายยกระดับพื้นที่เขตเศรษฐกิจตะวันออกให้กลายเป็น “World-Class Economic Zone” อีกด้วย