บุรีรัมย์ - ตำรวจชุดสืบ ภาค 1-ภาค 3 พร้อม จ.ปทุมธานี และ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ สนธิกำลังปิดล้อมไล่ล่าตัว “ร.ต.ท.เฉลิมชัย” ผู้ต้องหาคดีอุ้มรีดทรัพย์ และฆ่าหักหลังกันเองที่นครสวรรค์ หนีมากบดานที่ อ.นางรอง ผู้ต้องหาพยายามหลบหนี ตำรวจยิงยางรถสกัดหลบหนีจนสามารถรวบตัวได้กลางเมืองนางรอง
วันนี้ (14 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 สนธิกำลังตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 3 ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้วางแผนเข้าจับกุม ร.ต.ท.เฉลิมชัย สุติบุตร ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ จ.316/2561 ลง 30 เมษายน 2561 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ปล้นทรัพย์โดยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นการจับกุม, ร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้มีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุสมควร”
หลังทราบว่าได้หนีมากบดานที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ จากข้อมูลทราบว่าผู้ต้องหาได้พักอาศัยอยู่ในรีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอนางรอง จึงได้วางแผนเข้าจับกุม แต่ปรากฏว่า ร.ต.ท.เฉลิมชัยไหวตัว ขับรถยนต์กระบะ อีซูซุ 4 ประตู หลบหนี ออกไปถนนสายนางรอง-ลำปลายมาศ ก่อนยูเทิร์นเข้ามาตัวอำเภอนางรองอีกครั้ง และเลี้ยวเข้าซอยด้านหลังโรงพยาบาลนางรอง ไปออกมาข้างโรงพยาบาลนางรอง ก่อนยูเทิร์นที่หน้าโรงพยาบาลเพื่อมุ่งหน้าใช้เส้นทางขาเข้ากรุงเทพฯ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไล่สกัดจับอย่างไม่ลดละ แต่ผู้ต้องหาพยายามขับรถหลบหนี เมื่อถึงบริเวณด้านหน้าศูนย์จำหน่ายรถยนต์ ยี่ห้อมาสด้า ก่อนถึงสามแยกสถานีขนส่งผู้โดยสารนางรอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตัดสินใจใช้ปืนยิงยางหลังกระบะทั้งสองข้างเพื่อสกัดให้รถหยุด ท่ามกลางความแตกตื่นของประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ ก่อนเข้าล้อมจับกุมตัว ร.ต.ท.เฉลิมชัยได้ในที่สุด โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ตรวจค้นภายในรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กง 1932 บุรีรัมย์ ที่ผู้ต้องหาใช้ขับหลบหนี พบอาวุธปืนสั้น 1 กระบอก ภายในกระบะด้านหลังยังพบป้ายทะเบียนอีกจำนวน 2 แผ่น จากการตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนไม่ตรงกับรถคันดังกล่าวแต่อย่างได จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสอบที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากมีผู้เสียหายหนุ่มสาว 4 คนเข้าแจ้งความที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ว่าถูกชายฉกรรจ์ 5 คน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด บุกมาอุ้มจากในบ้านไปรีดทรัพย์สิน เงินสด สร้อยคอและแหวนทองคำมูลค่าหลายแสนบาทไป โดยศาลจังหวัดธัญบุรีออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ในข้อหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์” โดยผู้ร่วมก่อเหตุดังกล่าวมีตำรวจ สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล 2 นาย คือ ร.ต.ท.เฉลิมชัย สุติบุตร รอง สว.สส.สน.พลับพลาไชย 2 ช่วยราชการสืบ 6 และ ด.ต.สมบัติ สนั่นเอื้อ ผบ.หมู่งานสืบสวน สน.ประเวศ ทั้งคู่อยู่ระหว่างหลบหนี ต้นสังกัดให้ออกจากราชการไว้ก่อน
ต่อมา นายประสิทธิ์ อ่องเอี่ยม หนึ่งในผู้ต้องหาถูกพบเป็นศพในพื้นที่ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา การสืบสวนพบว่าเป็นฝีมือ ร.ต.ท.เฉลิมชัย จึงได้ติดตามไล่ล่าจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งทราบว่าหนีมากบดานในพื้นที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ จึงได้ประสานตำรวจท้องที่ร่วมสกัดจับผู้ต้องหาได้ในที่สุด