ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตำรวจขอนแก่นพบปมสาเหตุ ทำให้รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองขอนแก่น ใช้อาวุธปืนยิงตัวตายในรถยนต์ คาดเครียดเรื่องหนี้สินที่ยืมมาทำธุรกิจส่วนตัวกว่า 2 ล้านบาท เริ่มผิดนัดชำระ แต่ยังไม่ทิ้งปมฆาตกรรมอำพราง
สืบเนื่องจากเหตุพบศพ ร.ต.อ.วรวุฒิ ภัทรจิตภักดี รองสารวัตรจราจร สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น เสียชีวิตอยู่ในรถยนต์เก๋งยี่ห้อฟอร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน กล 45 ขอนแก่น จอดอยู่บริเวณเลียบคลองชลประทาน เส้นทางระหว่างหมู่บ้านโคกแปะ-บ้านขามเปี้ย หมู่ 12 ต.โคกสี อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น
ล่าสุด วันนี้ (14 พ.ค. 61) พ.ต.อ.พันกฤษณ์ วิชญชีวินทร์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองไหม เปิดเผยถึงการเสียชีวิตรองสารวัตรจราจร สภ.เมืองขอนแก่น ว่าช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการประชุมความคืบหน้ากับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะเป็นคดีตำรวจเสียชีวิต มีเงื่อนงำ ทางตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 ได้ส่งผลการตรวจที่เกิดเหตุมาแล้ว เบื้องต้นพบว่าที่บริเวณศีรษะด้านขวาของ ร.ต.อ.วรวุฒิ ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 มม. กระสุนทะลุออกกกหูซ้าย หัวกระสุนไปฝังที่ประตูด้านหลังเบาะคนนั่งข้างคนขับ ส่วนผลการตรวจสอบรอยนิ้วมือบนปืนต้องรอผลจากตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 อีกครั้ง
นอกจากนี้ยังพบว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ร.ต.อ.วรวุฒิได้ไปทำบุญตามวัดต่างๆ ก่อนที่จะเดินทางมาหาพี่ชาย ที่วัดบ้านโคกแปะ โดยพูดคุยกันว่าตายแล้วไปไหน เคยเห็นผีบ้างไหม ทางพี่ชายก็ไม่สงสัยอะไรมากนัก จนกระทั่งขาดการติดต่อไปแล้วมาพบศพตายในรถยนต์เมื่อวันที่ 13 พ.ค. สอดคล้องกับผลการตรวจของตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 ที่ระบุว่า ร.ต.อ.วรวุฒิเสียชีวิตมาประมาณ 2 ถึง 3 วัน
ทั้งนี้ยังพบว่า ร.ต.อ.วรวุฒิได้ยืมเงินจากแฟนสาวจำนวนเงินมากกว่า 2 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ทำธุรกิจส่วนตัว โดยจะทยอยชำระเงินเป็นงวดๆ โดยชำระมาแล้วจำนวนหนึ่ง แต่ระยะหลังได้ผิดนัดส่งชำระเงิน พบว่าวันที่ 10 พ.ค.มีการประชุมของงานจราจร สภ.เมืองขอนแก่น แฟนสาว ร.ต.อ.วรวุฒิได้ไปหาถึงงานจราจร แต่ ร.ต.อ.วรวุฒิไม่มาร่วมประชุม โดยรองผู้กำกับการจราจรได้โทรศัพท์ติดต่อแต่ไม่รับสาย
สอดคล้องกับคำให้การของพระที่เป็นพี่ชายของ ร.ต.อ.วรวุฒิ ว่าช่วงเวลาที่อยู่วัด ร.ต.อ.วรวุฒิ ไม่รับสายโทรศัพท์ที่โทร.เข้า คาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการฆ่าตัวตาย และจะเชิญพ่อแม่ของ ร.ต.อ.วรวุฒิ มาสอบปากคำวันนี้ ส่วนประเด็นฆาตกรรมทางตำรวจยังไม่ตัดทิ้ง ซึ่งจะต้องรอผลการตรวจสอบที่เกิดเหตุของตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 อีกครั้ง