xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าฯ อุทัยรับ 6 แผนยุทธศาสตร์ชาวแก่นมะกรูดนำร่องพัฒนาชุมชนต้นแบบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


อุทัยธานี - ชาวกะเหรี่ยงแก่นมะกรูด จัดทำแผนยุทธศาสตร์ 6 ด้าน พัฒนาตำบล ตามโครงการพื้นที่ต้นแบบแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ตำบลแก่นมะกรูด ตามแนวพระราชดำริ เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ

วานนี้ (9 พ.ค. 61) ที่สภาตำบลแก่นมะกรูด อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี เป็นประธานเปิดโครงการคืนข้อมูลให้ชุมชน โดยนำส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้ารับฟังการนำเสนอแผนยุทธศาสตร์ที่ชาวบ้านร่วมกันจัดทำขึ้นตามโครงการพื้นที่ต้นแบบแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ตำบลแก่นมะกรูด อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ตามแนวพระราชดำริ เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ โดยมีนายเผด็จ นุ้ยปรี นายก อบจ.อุทัยธานี พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมโครงการ

โดยแผนยุทธศาสตร์พัฒนาตำบลแก่นมะกรูดที่ชาวบ้านนำเสนอนั้น ประกอบด้วย 6 ด้าน ได้แก่ 1. การเพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำ ให้มีน้ำเพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภค ตลอดทั้งปี 2. ต้องการพื้นที่ทำกินครอบคลุม 21,600 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมที่ได้รับการจัดสรร เพื่อไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่อีกต่อไป 3. ส่งเสริมเกษตรผสมผสาน สร้างรายได้ตลอดปี ลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยวปีละ 10% และชาวบ้านสามารถปลดหนี้อย่างน้อยปีละ 5%

4. ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้ได้มาตรฐาน มีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นปีละเท่าตัว 5. มีแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมภูมิปัญญา ความรู้ท้องถิ่นแก่เยาวชน และ 6. รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยการแก้ไขปัญหาอย่างมีส่วนร่วม

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ ได้เข้าไปบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในการบริหารพื้นที่ เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี กรมป่าไม้ เกษตรและสหกรณ์จังหวัด ชลประทานจังหวัด มีหลักคิดในการดำเนินงานโครงการเพื่อควบคุม ดูแล รักษา และบำรุงป่าห้วยขาแข้ง และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่น โดยนำองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ สร้างงาน และอาชีพให้แก่ชาวบ้าน

เริ่มโดยกระบวนการสร้างความเข้าใจ เข้าถึงและการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการส่งเสริมอาชีพ ผลจากการพัฒนาตลอดระยะเวลา 5 ปี สามารถเพิ่มพื้นที่รับน้ำ 2,782 ไร่ ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพด้วยการปลูกพืชผสมผสานทดแทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว จนสามารถเพิ่มพื้นที่ป่าได้ถึง 2,700 ไร่ และลดการบุกรุกป่าได้ถึงปีละ 380 ไร่ รวมทั้งสามารถส่งเสริมการปลูกพืชเมืองหนาว สตรอว์เบอร์รี และการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม







กำลังโหลดความคิดเห็น