นครสวรรค์ - เปิดคลิปฟังทุกฝ่าย..กรณีเถ้าแก่เต็นท์รถปากน้ำโพ ขึ้นป้ายหรา หลังขอตำรวจยึดรถเก็บโรงพัก สุดท้ายเหลือแต่ซาก เครื่อง-เกียร์หายหมด จ่อแห่ประจานซ้ำ ด้านเจ้าของอู่ใหญ่ยันตำรวจให้ซื้อซากรถ 4 คัน 2 หมื่น ขณะที่รอง ผกก.ชี้คู่กรณีรับรถออกไปสภาพเดิม
วันนี้ (9 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นายสมพงษ์ ชำนาญไพร อายุ 57 ปี นางอำนวยมุกต์ดา ชำนาญไพร อายุ 60 ปี สองสามีภรรยาเถ้าแก่เต็นท์รถ อยู่บ้านเลขที่ 117 หมู่ 5 ต.หนองกรด อ.เมืองนครสวรรค์ ที่นำรถที่เคยนำไปฝากไว้ที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ตั้งแต่ปี 58 แต่สุดท้ายถูกชำแหละเหลือแต่ซาก จึงนำซากรถมาตั้งริมถนนสายเอเชีย พร้อมขึ้นป้ายร้องขอความเป็นธรรม ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
นายสมพงษ์ ผู้เป็นสามี เปิดเผยถึงที่มาที่ไปของรถคันดังกล่าวว่า ได้ประมูลซื้อรถยนต์กระบะ สีเทา ยี่ห้อมิตซูบิชิ หมายเลขทะเบียน 201 สระแก้ว มาจากบริษัท สหการประมูล จำกัด สาขาปทุมธานี ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2558 เพื่อนำมาซ่อมจำหน่าย
ต่อมาได้มีคนชื่อนายมานพ ชื่นอยู่ ชาวนครสวรรค์ มาขอซื้อรถคันดังกล่าวในราคา 120,000 บาท โดยจ่ายเงินมัดจำราคา 5 หมื่นบาท ส่วนที่เหลือจะจ่ายเป็นงวดๆ แต่หลังจากนั้นนายมานพไม่มาติดต่อ ตนจึงติดตามหารถจนพบ พร้อมแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดรถไว้โรงพักเพื่อเก็บรักษาไว้ที่ สภ.เมืองนครสวรรค์
ต่อมากลางเดือน พ.ย. 60 นายมานพได้มาเอารถคันดังกล่าวคืนจาก สภ.เมืองนครสวรรค์เพื่อนำเอาไปซ่อม ซึ่งรถคันดังกล่าวไม่มีเครื่องยนต์ และเกียร์ ต่อมานายมานพได้นำเงินมามอบให้ผู้แจ้ง 38,000 บาท ส่วนที่เหลือจำนวน 32,000 บาทจะนำมามอบให้ภายหลัง แต่ปรากฏว่านายมานพไม่ได้นำเงินมามอบให้ พร้อมกับนำรถคันดังกล่าวมาคืน
ตนและแฟนได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เมื่อเวลา 14.10 น. วันที่ 24 ม.ค. 61 โดยมี ร.ต.ท.นุกูล ฝูงชมเชย รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครสวรรค์ เป็นผู้ลงบันทึก และเราสองคนลงลายมือชื่อเรียบร้อย
“ขอให้สอบสวนว่ารถที่จอดเป็นของกลางอยู่ในโรงพัก แล้วไปอยู่อู่ช่างแดงได้อย่างไร นายมานพไปตามหารถกับแฟนผม เจอรถจอดอยู่ในอู่นั้น ไม่มีเครื่องกับเกียร์ ช่างแดงบอกว่า คนเก็บของกลางบอกให้ถอดเครื่องกับเกียร์ ซึ่งตรงนี้ควรลงบันทึกให้ด้วย”
ขณะที่นางอำนวยมุกต์ดา ชำนาญไพร ภรรยานายสมพงษ์ เล่าด้วยความโมโหอีกว่า เรื่องรถบางทียอมขาดทุน และไม่เอาเรื่อง ให้จบๆ ไป ไม่อยากทะเลาะกับตำรวจ เพราะตนก็มีลูกชายเป็นตำรวจ และไม่ยอมให้ลูกชายมายุ่งกับเรื่องนี้
แต่สาเหตุที่ต้องกลับมาเอาเรื่อง เนื่องจากเมื่อ 4 ม.ค. 61 ที่ผ่านมาได้มีหมายเรียกพยานจากสำงานตำรวจแห่งชาติ สถานที่ออกหมายเรียก สภ.เมืองนครสวรรค์ ให้ตนไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนปากคำกรณีนำทองไปขายฝากที่ร้านนครสวรรค์ เงินด่วน เมื่อปี พ.ศ. 2556 และจากการตรวจสอบเป็นทองปลอม จึงให้นายสมพงษ์ ชำนาญไพร ไป ณ สภ.เมืองนครสวรรค์ ในฐานะพยาน
“กรณีนี้ดิฉันรับไม่ได้ แถมยังมีลายเซ็นปลอมอีก เพราะดิฉันไม่เคยนำทองไปจำนำเลย จึงต้องวกกลับมาเอาเรื่องรถที่ลากไปเหลือกลับมาเป็นซากรถแบบนี้ และต่อไปจะนำซากรถแห่ไปโรงพัก สภ.เมืองนครสวรรค์เพื่อขอความเป็นธรรม ให้เอาเรื่องกับคนทำผิดจนถึงที่สุดด้วย”
ด้านนายสุพจน์ หรือแดง น้อยวงษ์ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 365/51 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถ-ตัดอะไหล่จำหน่าย มานานกว่า 10 ปี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าเครียดเล็กน้อยว่า ตนได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ ให้มาซึ้อซากรถยนต์ 4 คัน ในราคา 2 หมื่นบาท ซึ่งหนึ่งในสี่คันก็คือรถที่มีปัญหาเวลานี้ แต่จำไม่ได้ว่าเป็นวันที่เท่าไหร่ จำได้ว่าเป็นปี 2560
“การที่เอารถออกจากโรงพักผมคิดว่าปลอดภัย ตำรวจเป็นคนให้เอาออกไป และผมก็รับซึ้อซากรถที่ถูกกฎหมายมานาน แน่ใจไม่น่ามีปัญหา สิ่งที่ผมบอกมาคือความจริง แต่ถ้าผมจะตกเป็นผู้ต้องหาก็พร้อมที่จะสู้ความจริงต่อไป”
พ.ต.ท.บุญเชิด จันทร์มณี รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองนครสวรรค์ เปิดเผยสั้นๆ ว่า เหตุการณ์ที่สองสามีภรรยาขอความเป็นธรรมย่อมมีสิทธิ์ทำได้ จะแห่ซากรถไปไหนก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ให้อยู่ในกรอบกฎหมาย ส่วนเรื่องรถก็ว่าไปตามกฎหมาย รถออกจากโรงพักโดยมีบุคคลรับไป มีหลักฐานพร้อม มีลายเซ็นคนรับ และขอยืนยันรถไม่ใช่ของกลางในคดีอาญา
“รถคันดังกล่าว มีนางอำนวยมุกต์ดา ชำนาญไพร และนายมานพ ชื่นอยู่ มารับไป เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 60 มีการลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานชัดเจน ในสภาพโดยไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดเสียหายเสื่อมค่าแต่อย่างใด ยืนยันว่ารถไม่ได้หายที่สถานีตำรวจ ส่วนเรื่องการตกลงซื้อขายจ่ายเงินกันอย่างไรเป็นเรื่องของเขา อันนี้เราไม่ทราบ เพราะเป็นการซื้อขายของเขากันเอง”