xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านร้องสื่อถูกแบงก์ ธ.ก.ส.โกงเงินกว่า 12 ล้าน แจ้งความเกือบปีตำรวจไม่ทำคดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นครพนม - พนักงานสินเชื่อ ธ.ก.ส. สาขาท่าอุเทน ติดการพนันงอมแงม โกงเงินชาวบ้านกว่า 12 ล้านบาท แจ้งความไปตั้งแต่ ก.ย. 60 จนถึงวันนี้คดีความไม่มีอะไรคืบหน้า ซ้ำยังถูกแบงก์ส่งใบทวงหนี้ตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

วันนี้ (6 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากชาวบ้านที่อำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม กลุ่มหนึ่งว่า ถูกพนักงานหญิงแผนกสินเชื่อของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) สาขาอำเภอท่าอุเทน โกงเงินลูกค้ารวมกันแล้วกว่า 12 ล้านบาท มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.ท่าอุเทน ตั้งแต่เดือนกันยายน 60 แต่จนถึงวันนี้คดียังไม่คืบหน้า ขณะที่สาขาต้นสังกัดยังคงส่งใบแจ้งเรียกเก็บหนี้กับลูกค้าอย่างปกติ

นางประหยัด เจริญราษฎร์ อายุ 41 ปี บ้านเลขที่ 33 หมู่ 3 ต.ท่าอุเทน เป็นแกนนำพาชาวบ้านร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว แต่ละคนมีเอกสารทั้งใบแจ้งหนี้จาก ธ.ก.ส. และสำเนาใบแจ้งความของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งนางประหยัดเล่าว่า ในฐานะเป็นลูกค้า ธ.ก.ส. สาขาท่าอุเทน มีการรวมกลุ่มกันไม่น้อยกว่า 10 คนเพื่อเสนอขอกู้เงินโดยใช้วิธีค้ำประกันกันไปมา มี น.ส.ศศิธร หรือปุ๋ย หอมดวง อายุ 36 ปี พื้นเพเป็นคน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อของ ธ.ก.ส. คอยบริการเรื่องต่างๆ ให้ทุกอย่าง
น.ส.ศศิธร หรือปุ๋ย หอมดวง อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อแบงก์ ธ.ก.ส.สาขาท่าอุเทน ติดพนันโกงเงินลูกค้าแต่ยังทำงานปกติก

ประมาณเดือน มี.ค. 60 กลุ่มพวกตนได้ยื่นเรื่องขอกู้เงินขั้นต่ำคนละ 20,000 บาท-250,000 บาท การเซ็นสัญญาจะทำกันบนชั้น 2 ของอาคาร ธ.ก.ส.ท่าอุเทน ซึ่งจะมีพนักงานนั่งทำงานอยู่ 5 คน หนึ่งในนั้นก็คือ น.ส.ศศิธร หรือปุ๋ย เจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อภาคสนาม โดยพวกตนมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับ น.ส.ปุ๋ยเป็นอย่างดี

นางประหยัดเล่าต่อว่า ตนได้ขอกู้เงินแค่ 50,000 บาท แต่เมื่อเรื่องแดงขึ้นมาตนกลับมียอดหนี้มากถึง 400,000 บาท ขณะที่คนอื่นในกลุ่มก็กู้มากบ้างน้อยบ้างคละเคล้ากัน โดย น.ส.ปุ๋ยจะนัดลูกค้ามารับเงินที่ธนาคาร แต่การนัดจะไม่ตรงกัน บางคนเซ็นชื่อรับเงินไปก่อนครึ่งหนึ่ง เงินส่วนที่เหลือ น.ส.ปุ๋ยอ้างจะนำไปส่งให้ที่บ้าน

เช่น นางสินธ์ มณีลุน อายุ 57 ปี บ้านเลขที่ 39 หมู่ 11 บ้านปากทวย ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน ขอกู้ 80,000 บาท ไปเซ็นรับเงินที่ธนาคารในตอนเช้า น.ส.ปุ๋ยจ่ายให้แค่ 50,000 บาท อ้างว่าที่เหลือจะเอามาให้ถึงบ้าน ตอนบ่ายในวันเดียวกัน น.ส.ปุ๋ยก็มาขอเงิน 50,000 บาทคืนอ้างจะเอาไปส่งคืนธนาคาร แล้วจะทำเรื่องเบิกใหม่ให้ครบ 80,000 บาทเต็ม

ด้วยความไว้วางใจจึงมอบเงินจำนวนดังกล่าวคืน และ น.ส.ปุ๋ยนัดไปรับเงินอีกครั้งในวันที่ 21 เม.ย. 60 ตนได้รับเงิน 80,000 บาทจริง แต่ปรากฏยอดหนี้เป็นเงิน 130,000 บาท ตนพยายามสอบถาม น.ส.ปุ๋ยก็บ่ายเบี่ยงอ้างว่าระบบข้อมูลผิดเดี๋ยวจะแก้ไขให้

ทางด้านนางเสมอ กิติศรีวรพันธุ์ ขอกู้ 240,000 บาท น.ส.ปุ๋ยนำเงินมามอบให้ 120,000 บาท ที่เหลืออ้างจะเอาไปปิดหนี้เก่า แล้วจะเอาใบเสร็จมาส่งให้ที่บ้าน หลังเกิดเรื่องตนไปขอดูยอดหนี้ พบว่า น.ส.ปุ๋ยไม่ได้ชำระหนี้แต่อย่างใด

ขณะที่นางไคศรี ยะสา อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 36 หมู่ 7 บ้านกุดสะกอย ต.โนนตาล มีหนี้อยู่กับ ธ.ก.ส.ท่าอุเทน 500,000 บาท ส่งต้นและดอกเบี้ยสม่ำเสมอ ต่อมาได้ทำประกันชีวิตให้ลูกสาวที่ไปทำงานต่างประเทศปีละ 12,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันทุกปีไม่เคยขาด ภายหลัง น.ส.ปุ๋ยอาสารับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยและเงินประกันชีวิตส่งธนาคารแทน อ้างว่าตนไปมาลำบาก จะจัดการให้

ตนเห็นเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารจึงมอบเงินให้ไปครั้งละ 47,000 บาท ปรากฏว่าลูกสาวประสบอุบัติเหตุระหว่างทำงานนิ้วขาด 3 นิ้ว ตนจึงยื่นเรื่องขอสินไหมจาก ธ.ก.ส.ท่าอุเทน พนักงานคนหนึ่งบอกว่าตนไม่ได้ส่งเบี้ยประกันมาหลายปีแล้วจึงหมดสิทธิ์ในการจะได้สินไหมทดแทน และเงินที่ใช้หนี้ก็ยังเหมือนเดิม น.ส.ปุ๋ยไม่ได้นำมาชำระหนี้ให้แต่อย่างใด

นางประหยัดกล่าวต่อว่า หลังมีการรับเงินก็ยังไม่ได้ใบแจ้งยอดหนี้ จนถึงเดือน ส.ค. 60 ผู้ใหญ่บ้านมาบอกให้ไปดูยอดหนี้ที่ธนาคาร เพราะ น.ส.ศศิธร หรือปุ๋ยปฏิบัติหน้าที่ทุจริต จึงชักชวนเพื่อนในกลุ่มพากันไปขอดู แต่ละคนเห็นยอดหนี้ถึงกับเป็นลมเพราะมียอดหนี้สูงเกินจริงทุกราย ระหว่างเกิดเรื่องทาง ธ.ก.ส.ท่าอุเทนก็ไม่ได้ดำเนินการแจ้งความใดๆ แค่สั่งย้าย น.ส.ปุ๋ยไปประจำอยู่ที่สาขานครพนมแทน ตนเห็นความไม่ชอบมาพากลจึงโทรศัพท์ไปบอกนักจัดรายการสถานีวิทยุคลื่นหนึ่งให้ออกข่าวว่ามีพนักงานสินเชื่อ ธ.ก.ส.สาขาท่าอุเทนโกงเงินลูกค้า และทางธนาคารยังเพิกเฉย

จากนั้น น.ส.ปุ๋ยก็หายหน้าหายตาไปเลย พวกตนจึงพากันแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงประชาชนไว้ที่ สภ.ท่าอุเทน รวมผู้เสียหาย 39 ราย มูลค่ากว่า 12 ล้านบาท

น.ส.นิรมล กิติศรีวรพันธุ์ อายุ 38 ปี ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ท่าอุเทน ซึ่งเป็นลูกสาวของนายจรูญ กิติศรีวรพันธุ์ อายุ 70 ปี เปิดเผยว่า พ่อมียอดหนี้ 50,000 บาท ก่อนหน้านี้พ่อได้มอบเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยให้ น.ส.ปุ๋ยไปปิดหนี้ แต่กลับไม่ได้นำเงินไปชำระหนี้ พ่อตนจึงมียอดหนี้เหมือนเดิม หลัง น.ส.ปุ๋ยถูกย้ายไปอยู่ที่ ธ.ก.ส.นครพนม ได้ไปนั่งประจันหน้ากันแล้วซักถามข้อเท็จจริงว่าโกงเงินนับสิบล้านบาทไปทำอะไร

น.ส.ปุ๋ยสารภาพว่าติดการพนันอย่างหนัก โดยจะข้ามไปเล่นการพนันในกาสิโนประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อไม่มีเงินก็ซิกแซ็กเอาเงินลูกค้าไปเล่นจนหมดตัว และจะกลับบ้านไปขายนามาใช้หนี้คืน ถึงปัจจุบัน น.ส.ปุ๋ยปิดเครื่องไม่สามารถติดต่อได้

ขณะที่ทาง ธ.ก.ส.ก็ไม่ยอมให้ความกระจ่าง อ้างว่าต้องรอทางส่วนกลางมาสอบสวน มีมาสอบปากคำแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ทุกอย่างก็ยังเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทางตำรวจก็อ้างว่าออกหมายจับไปแล้ว จึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ


กำลังโหลดความคิดเห็น