ศูนย์ข่าวศรีราชา - กรมการขนส่งทางบก ยกระดับการให้บริการด้วยรถโดยสารประจำทางเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา เปิดตัวรถโดยสารใหม่ 3 เส้นทาง เพิ่มทางเลือก สะดวกคล่องตัวทุกการเดินทาง เพิ่มศักยภาพอู่ตะเภาให้เป็น Hub การบินแห่งใหม่ สอดคล้องต่อนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของรัฐบาล
วันนี้ (4 พ.ค.) นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ร่วมกับ พล.ร.อ.รังสฤษดิ์ สัตยานุกูล ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พล.ร.ต.ลือชัย ศรีเอี่ยมกูล ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา พร้อมด้วย เรือโทศตวรรษ อนันตกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ร่วมเปิดเส้นทางรถโดยสารประจำทาง 3 เส้นทาง เชื่อมต่อท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภากับจังหวัดท่องเที่ยวภาคตะวันออก ได้แก่ ตราด-ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา, ระยอง-ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา, ชลบุรี-ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เพิ่มทางเลือก สะดวก คล่องตัวทุกการเดินทาง ทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาให้เป็น Hub การบินแห่งใหม่ สนับสนุนเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของประเทศ และนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ของรัฐบาล
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า การพัฒนาเส้นทางรถโดยสารประจำทางเชื่อมต่อสนามบิน และระบบขนส่งสาธารณะอื่นภายใต้นโยบาย One Transport ของกระทรวงคมนาคม เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารด้านการเดินทางเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ กรมการขนส่งทางบก เล็งเห็นถึงความสำคัญจึงได้เดินหน้าพัฒนาเส้นทางรถโดยสารเชื่อมต่อให้บริการถึงภายในสนามบิน
เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร ปัจจุบัน ประเทศไทยมีสนามบินพาณิชย์ทั้งหมด 34 แห่ง บริหารงานโดยหน่วยงาน 4 หน่วยงาน ได้แก่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด จำนวน 6 แห่ง กรมท่าอากาศยาน จำนวน 24 แห่ง บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด จำนวน 3 แห่ง และกองทัพเรือ จำนวน 1 แห่ง ที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบก ได้ประสานความร่วมมือเพื่อเปิดให้บริการรถโดยสารเข้าสู่สนามบินแล้วทั้งสิ้น 33 แห่ง ยกเว้นท่าอากาศยานจังหวัดตราด อยู่ในระหว่างการกำหนดเส้นทางให้มีความเหมาะสม
โดยขณะนี้มีการจัดการเดินรถโดยสารให้บริการแล้ว 22 แห่ง ในจำนวนนี้รวมถึงการให้บริการเส้นทางรถโดยสารเข้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาด้วย ส่วนที่เหลืออยู่ในระหว่างพิจารณา ผู้ประกอบการขนส่งที่มีความพร้อมเข้าให้บริการ โดยจะดำเนินการครอบคลุมครบทุกสนามบินภายในปี 2561
นายสนิท กล่าวต่อไปว่า สำหรับท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ได้รับการพัฒนาให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์สำหรับรองรับผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางมาพัทยา และจังหวัดอื่นๆ ในภาคตะวันออก กรมการขนส่งทางบก จึงได้พัฒนาเส้นทางรถโดยสารเข้าให้บริการถึงภายในท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา รองรับ และเพิ่มทางเลือกให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง และแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดในภาคตะวันออก รวมถึงสามารถเชื่อมต่อสู่โหมดการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ ได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น โดยได้เปิดรับสมัคร และคัดเลือกผู้ประกอบการขนส่งที่มีความพร้อม และมาตรฐานการให้บริการอย่างเข้มข้น จนคัดเลือกได้ผู้ประกอบการเข้าให้บริการตามมาตรฐานความปลอดภัย และคุณภาพบริการที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด สำหรับรถโดยสารที่จะให้บริการภายในท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา มีทั้งสิ้น 3 เส้นทาง ได้แก่
สาย 398 ตราด - อู่ตะเภาโดยมีบริษัท สุวรรณภูมิบูรพา จำกัด เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการ มีเส้นทางและสถานที่หยุดรับ-ส่งผู้โดยสาร ดังนี้ จ.ตราด, จ.จันทบุรี, สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดระยองแห่งที่ 1, ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา รวมระยะทาง 220 กิโลเมตร ค่าโดยสารเก็บตามระยะทาง สูงสุดไม่เกิน 130 บาท ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 15 นาที
สาย 399 ระยอง - อู่ตะเภาโดยมีห้างหุ้นส่วนจำกัด บี เอช ระยอง เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการ มีเส้นทางและสถานที่หยุดรับ-ส่งผู้โดยสาร ดังนี้ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดระยองแห่งที่ 2, อ.บ้านฉาง, ท่าอากาศยานนานาชาติ อู่ตะเภารวมระยะทาง 35 กิโลเมตร ค่าโดยสารเก็บตามระยะทาง สูงสุดไม่เกิน 24 บาท ใช้เวลาเดินทาง 33 นาที
สาย 400 ชลบุรี - อู่ตะเภาโดยมีบริษัท สุวรรณภูมิบูรพา จำกัด เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการ มีเส้นทางและสถานที่หยุดรับ-ส่งผู้โดยสาร ดังนี้ จ.ชลบุรี, อ.ศรีราชา, เมืองพัทยา, อ.สัตหีบ, ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา รวมระยะทาง 100 กิโลเมตร ค่าโดยสารเก็บตามระยะทาง สูงสุดไม่เกิน 64 บาท ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 34 นาที
โดยในแต่ละเส้นทางใช้รถโดยสารปรับอากาศมาตรฐานใหม่ มีระบบความปลอดภัยครบครัน ติดตั้ง GPS Tracking และอุปกรณ์แสดงผลความเร็ว (Speed Monitor) มีระบบเบรก ABS ตามมาตรฐานที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด และมีอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยผ่านการตรวจรับรองโดยกรมการขนส่งทางบก ใช้จำนวนรถ 2-4 คัน ในแต่ละเส้นทาง เพื่อให้สอดคล้องต่อจำนวนเที่ยวบินประมาณ 40 เที่ยวต่อวัน และในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวซึ่งจะมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นถึง 50 เที่ยวต่อวัน ผู้ประกอบการขนส่งสามารถบริหารจัดตารางเดินรถให้สอดคล้องต่อตารางเที่ยวบินได้อย่างเหมาะสม
คาดการณ์ว่า เส้นทางรถโดยสารเชื่อมต่อท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาทั้ง 3 เส้นทาง จะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากการประชาสัมพันธ์ และทิศทางการเติบโตของตลาดท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มักนิยมเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ โดยจะเริ่มให้บริการเต็มรูปแบบตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ด้าน พล.ร.อ.รังสฤษดิ์ สัตยานุกูล ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ กล่าวว่า ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา หรือสนามบินอู่ตะเภา อยู่ห่างจากตัวเมืองระยอง ประมาณ 35 กิโลเมตร และห่างจากตัวเมืองพัทยา ประมาณ 30 กิโลเมตร จึงได้รับการเลือกให้เป็นสนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3 ของประเทศ และเป็นประตูสู่ภาคตะวันออก มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และก่อให้เกิดการพัฒนาจังหวัด และภูมิภาค สำหรับสายการบินของไทยที่ให้บริการ ได้แก่ บางกอกแอร์เวย์ส ไทยแอร์เอเชีย ไทยไลอ้อนแอร์ และนกแอร์ ส่วนสายการบินจากต่างประเทศได้แก่ Azur Air, Royal Flight, North Wing, Scat Air, S7 Airlines, เสิ่นเจิ้นแอร์ไลน์ส รอรับผู้โดยสารเฉลี่ยเดือนละประมาณ 35,000-40,000 คน
ปัจจุบัน ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ได้ขยาย และเพิ่มอาคารผู้โดยสารใหม่ ซึ่งจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 3 ล้านคนต่อปี ดังนั้น การเพิ่มทางเลือก และความสะดวกสบายในการเดินทางเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวเมืองจึงมีความสำคัญ และช่วยเพิ่มศักยภาพให้ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาเป็น Hub ของการบินแห่งใหม่ของประเทศ รองรับนโยบาย EEC ของรัฐบาล ที่สำคัญคือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้โดยสารเดินทางได้สะดวกคล่องตัวทุกการเดินทาง