ตำรวจท่องเที่ยวจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนลักทรัพย์บนเครื่องบิน

จับดำเนินคดี หนุ่มจีนเดินทางกับสายการบินที่ผู้โดยสารค่อนข้างมีฐานะใช้บริการ แอบขโมยทรัพย์สินของผู้อื่นบนเครื่องบินขณะจอดในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2561 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2 พ.ต.ท.ชย พานะกิจ รอง ผกก.3 บก.ทท.1 พ.ต.ต.อภิรุ่ง เพียรมงคล สว.กก.3 บก.ทท.1 ชุดสืบสวนตำรวจท่องเที่ยวท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันแถลงข่าว จับกุมตัว นายซวี เซว๋เหลียง (XU XUELIANG) อายุ 32 ปี สัญชาติจีน เลขที่หนังสือเดินทาง E68358235 ในความผิดฐาน “ลักทรัพย์ผู้อื่นในยวดยานสาธารณะ (อากาศยาน)” สามารถจับกุมตัวได้ที่ บริเวณประตูจอดเครื่องบินที่ อี8 (E8) อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้รับแจ้งจาก เจ้าหน้าที่สายการบิน ว่า มีเหตุลักทรัพย์บนเครื่องบิน ในขณะเครื่องจอดอยู่ที่บริเวณประตูจอดเครื่องบินที่ อี8 (E8) อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้มีผู้โดยสารโวยวายว่าทรัพย์สินของตนเองสูญหายไป จึงได้เข้าไปตรวจสอบพบผู้เสียหายชื่อ นายไฟ ก๊ก อู๋ (FAI KWOK NG) ถือหนังสือเดินทางหมายเลข KJ0485022 สัญชาติฮ่องกง ยืนยันว่า นายซวี เซว๋เหลียง (XU XUELIANG) เป็นคนร้าย เจ้าหน้าที่จึงได้ขอตรวจค้นตัว จากการตรวจค้นพบเงินไทยจำนวน 4,210 บาท เงินสกุลฮ่องกงจำนวน 1,710 เหรียญดอลลาร์ฮ่องกง ห่ออยู่ในกระดาษทิชชูอยู่ในมือด้านขวาของ นายซวี เซว๋เหลียง (XU XUELIANG) อายุ 32 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าว นายไฟ ก๊ก อู๋ ได้ยืนยันว่า เป็นของตนเองที่เก็บไว้ในกระเป๋าติดตัวขึ้นเครื่องและถูกผู้ต้องหาลักเอาไป แต่ตนเองมีความจำเป็นต้องเดินทางขึ้นเครื่องต่อไป เจ้าหน้าที่สายการบินและลูกเรือจึงได้บอกให้ นายซวี เซว๋เหลียง (XU XUELIANG) อายุ 32 ปี สัญชาติจีน นำเงินดังกล่าวคืนให้แก่ นายไฟ ก๊ก อู๋ นายซวี เซว๋เหลียง (XU XUELIANG) อายุ 32 ปี สัญชาติจีน ยินยอมคืนเงินดังกล่าวแก่ นายไฟ ก๊ก อู๋ โดยไม่โต้แย้งปฏิเสธแต่อย่างใด จึงได้แจ้งประสานให้ฝ่ายภาคพื้นทราบ และแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมมาตรวจสอบ น่าเชื่อว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมขโมยทรัพย์สินของผู้อื่นบนเครื่องบินสายการบินมาโดยตลอด เนื่องจากเมื่อตรวจค้นตัว พบเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ฉบับละ 1 ดอลลาร์ เป็นจำนวนมากอยู่ในตัวผู้ต้องหา ซึ่งเป็นแผนประทุษกรรมของคนร้ายที่ก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้ โดยเตรียมไว้เมื่อทำการลักทรัพย์เงินของผู้อื่นได้ ก็จะเอาเงินจำนวนนี้ไปใส่ยัดไว้แทน เพื่อไม่ให้ผู้เสียหายสงสัยหรือผิดสังเกต และเมื่อตรวจสอบการเดินทางของผู้ต้องหา จะพบว่า เดินทางไปกับสายการบินที่ผู้โดยสารค่อนข้างมีฐานะใช้บริการ และผู้ต้องหาจะอยู่ในพื้นที่ต่อเครื่อง (พื้นที่ทรานสิท) ภายในท่าอากาศยานของประเทศต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าประเทศ ซึ่งเป็นวิธีการหลบหลีกการถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชุดสืบสวน สภ.สุวรรณภูมิ และเจ้าหน้าที่สายการบิน จึงได้ทำการจับกุมตัว พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบ และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดีต่อไป