ศูนย์ข่าวศรีราชา - สภาเมืองพัทยา ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการเสริมทรายชายหาดพัทยา ชี้มีความคืบหน้า และหากดำเนินการเสร็จจะสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมาก
วันนี้ (23 เม.ย.) นายอนันต์ อังคณาวิศัลย์ ประธานสภาเมืองพัทยา พร้อมด้วย พล.ต.ภพอนันฒ์ เหลืองภานุวัฒน์ รองประธานสภาเมืองพัทยา ได้นำคณะสมาชิกสภาเมืองพัทยา ลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าโครงการเสริมทรายชายหาด ระยะทาง 2.7 กิโลเมตร ที่มี “กรมเจ้าท่า” เป็นเจ้าของโครงการ เพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายหาด หลังการงานล่าช้าจากแผนเดิมที่กำหนดไว้ในปี 2557 เหตุเพราะประสบปัญญาเรื่องของแหล่งทรายที่มีคุณสมบัติเพียงพอ และใกล้เคียงกับทรายบนชายหาดพัทยา
การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ยังมี นายสมหวัง จิตต์สาครสิริ หัวหน้าฝ่ายสำรวจทางวิศวกรรม กรมเจ้าท่า และตัวแทนบริษัท มารีน คอนสตรัคชั่น ผู้ รับจ้าง ให้การต้อนรับ และบรรยายสรุปเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านต่างๆ
นายอนันต์ อังคณาวิศัลย์ ประธานสภาเมืองพัทยา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สอบถามเจ้าหน้าที่ และผู้รับจ้างเกี่ยวกับการดำเนินงาน ก็ทำให้ทราบถึงแหล่งที่มาของทรายที่จะใช้ว่ามีความเพียงพอต่อการเสริมทรายชายหาดพัทยา ในระยะทาง 2.7 กิโลเมตร ซึ่งมีความกว้างลึกลงไปทะเล 35 เมตร
อีกทั้งยังทราบว่า ทรายที่นำมาใช้ในครั้งแรกมีสภาพของเม็ดทรายสีดำ เนื่องจากอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน แต่เมื่อถูกแดดเผาประมาณ 2-3 วัน ก็จะเปลี่ยนเป็นสีขาว และมีคุณภาพเทียบเท่ากับเม็ดทรายชายหาดพัทยา ซึ่งการเสริมทรายนั้นผู้รับจ้างจะเสริมครั้งละ 300 เมตร และผู้รับจ้างจะคืนพื้นที่ชายหาดให้ครั้งละ 100 เมตร
“หลังเสร็จสิ้นการเสริมทราย ก็จะวางแผนเรื่องของการบริหารจัดการชายหาดพัทยา เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่เมืองพัทยา ส่วนการจัดระเบียบร่มเตียงชายหาดแม้จะมีพื้นที่ชายหาดเพิ่มขึ้น แต่ก็จะคงปริมาณผู้ประกอบการร่มเตียงให้มีเท่าเดิม เพียงแต่จะนำเตียงในรูปแบบใหม่มาให้บริการแทน พร้อมจะนำโมเดลการบริหารร่มเตียงชายหาดพัทยาในรูปแบบเดียวกับชายหาดภูเก็ต คือ พื้นที่ไหนที่มีร่มเตียงก็ให้กลุ่มผู้ประกอบการรับผิดชอบเรื่องของความสะอาด คาดว่าการเสริมทรายจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้”
ขณะที่ นายสมหวัง จิตต์สาครสิริ หัวหน้าฝ่ายสำรวจทางวิศวกรรม กรมเจ้าท่า กล่าวถึงขั้นตอนการเสริมทรายชายหาดพัทยา โดยว่าจ้าง บริษัท มารีน คอนสตรัคชั่น จำกัด ด้วยงบประมาณ 429 ล้านบาท ตามสัญญาจ้างตั้งแต่ 19 เม.ย. ถึง 19 พ.ย.2561 รวมระยะเวลา 7 เดือน ซึ่งการดำเนินงานนั้นผู้รับเหมาจะขุดหน้าดิน ปูผ้าใยสังเคราะห์ก่อนจะนำถุงทรายบิ๊กแบ็กมาจัดวาง และนำทรายมากลบ ก่อนให้รถบดอัดในระยะ 15 เมตรแรกจากสันเขื่อน จากนั้นจะปรับสภาพให้ได้ตามรูปแบบชายหาดเดิม
ทั้งนี้ การเสริมทรายก็ยังพบอุปสรรคในเรื่องของคลื่นลม ซึ่งแหล่งทรายที่นำมาเสริมเป็นแหล่งทรายใต้น้ำจากทิศตะวันตกของเกาะรางเกวียน ห่างจากทิศใต้ของเกาะล้าน ประมาณ10 กิโลเมตร และปัจจุบันการเสริมทรายเป็นไปตามแผนที่กรมเจ้าท่าได้กำหนดไว้
