เชียงใหม่ - ฝนลงเม็ด - ใบไม้แตกยอด ชาวบ้านแห่ส่องไฟจับแมงนูน หรือแมงอินูน หนึ่งในศัตรูพืชกันสนุก บอกทำเมนูเด็ดทั้งคั่ว หรือตำน้ำพริกกินได้ - ขายดี
วันนี้ (23 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่บ้านสันผักหวาน ต.สันผักหวาน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เริ่มออกจับ แมงนูน หรือ แมงอินูน แมลงปีกแข็งเมนูยอดฮิต ที่เริ่มออกมากินยอด - ใบอ่อนต้นไม้ ที่เป็นพืชเศรษฐกิจต่างๆ รวมทั้งต้นคูน ต้นลมแล้ง หรือต้นราชพฤกษ์ ต้นกาว ฯลฯ ที่กำลังแตกใบอ่อน ในช่วงกลางฤดูร้อน - ต้นฤดูฝน
ชาวบ้านบอกว่า ที่แมงอีนูนออกมาจำนวนมากนี้ เพราะอากาศร้อนทั้งวัน พอช่วงเย็น ทำให้แมงอีนูนออกจากดินมาหาน้ำ และใบไม้อ่อนกินจนใบไม้แหว่ง โดยมีทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ สามารถนำไปคั่วเกลือ หรือตำน้ำพริกรับประทาน หรือนำไปขายตามท้องตลาด ซึ่งมีราคาแพงกิโลกรัมละหลายร้อยถึงหลักพันทีเดียว เพราะรอบปีจะมีให้จับกินช่วงเดียวเท่านั้น
สำหรับแมงอินูน หรือ แมงกีนูน (Cockchafer) หรือ แมงนูน หรือ กุดกีนูน (อีสาน) หรือ แมงนูนหลวง เป็นแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Melolontha melolontha อยู่ในวงศ์ Scarabaeidae มีรูปร่างอ้วนป้อมเป็นรูปไข่ หัวมันเรียบ มีหนวดแบบใบไม้ 1 คู่ที่ปาก ตามีขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัด ปากเป็นแบบปากกัด ที่อกปล้องแรกเห็นชัดกว่าปล้องอื่น ปีกมี 2 คู่ๆ หน้ามีลักษณะแข็งเรียบเป็นมัน มีหน้าที่เป็นเปลือกหุ้มตัว ส่วนปีกคู่ที่สองบางใส ใช้สำหรับบิน ส่วนท้องอยู่ด้านล่างมีปีกที่แข็งคลุม หัว อก และขามีสีน้ำตาลไปจนถึงสีดำ ปีกที่แข็งมีสีน้ำตาลอ่อน ขนาดลำตัวยาวประมาณ 30 มิลลิเมตร
แมงอินูน จัดเป็นแมลงศัตรูพืช เพราะกัดแทะใบของพืชที่เป็นพืชเศรษฐกิจ เช่น มะขามเทศ มะขาม อ้อย มันสำปะหลัง พุทรา มีวงจรชีวิตเป็นหนอนอยู่ใต้ดินนานนับปี ก่อนจะเข้าสู่ระยะดักแด้ และเป็นตัวเต็มวัยในช่วงต้นฤดูฝนของทุกปี ซึ่งจะพบแมงอีนูนเป็นจำนวนมากในเวลานี้ จัดเป็นอาหารรับประทานในวิถีชีวิตของชาวเหนือ และชาวอีสาน อีกทั้งยังเป็นการกำจัดแมลงศัตรูพืช โดยการจับแมงอีนูนจะกระทำในช่วงหัวค่ำ ใช้แสงไฟจากนีออนเป็นตัวล่อ หรือเขย่าจากต้นไม้ที่มีแมงอีนูนจำนวนมากอาศัยอยู่ ก็จะหล่นลงมาให้จับได้ง่ายๆ ซึ่งการปรุงแมงอีนูนทำได้ทั้งวิธีการต้ม และทอด