ตาก - เกิดอุบัติเหตุซ้ำกลางดอยรวก รถบัสเบรกแตกทางลงดอยจุดเดียวกับบัสแรงงานพม่าตกเหว ก่อนพุ่งชนแท่งแบริเออร์-รถตำรวจ และรถชาวบ้าน รอง ผบก.ภ.ตาก-จนท.-สื่อ ตรวจที่เกิดเหตุอยู่ต้องโดดหนีตายสุดชีวิต แต่สาวนักวิชาการแรงงานโชคร้าย ถูกชนอัดลากติดแบริเออร์เสียชีวิตคาที่-ตำรวจเจ็บ 1
วันนี้ (10 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุระทึกกลางดอยรวกซ้ำขึ้นมาอีก ระหว่างเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานรวมทั้งผู้สื่อข่าวได้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุรถบัสบรรทุกแรงงานพม่าของบริษัท จงเจริญแคปปิตอล จำกัด (ราชบุรี) หมายเลขทะเบียน 33-5488 กรุงเทพมหานคร พุ่งลงเหวข้างทางดอยรวก ทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 12 บริเวณ กม.68+200 ต.แม่ท้อ อ.เมืองตาก ก่อนถึงทางหยุดฉุกเฉิน 500 เมตร เมื่อเวลา 22.51 น.วันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้แรงงานพม่าที่โดยสารมาในรถทั้งหมด 50 คน ผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 16 คน บาดเจ็บปานกลาง-สาหัส จำนวน 28 คน และผู้เสียชีวิต 6 คน ต่อมาแพทย์ได้อนุญาตให้ผู้บาดเจ็บกลับบ้านได้ เหลือผู้ประสบเหตุที่ได้รับาดเจ็บหนักต้องพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จำนวน 12 ราย
แต่จู่ๆ ก็มีรถบัสโดยสารไม่ประจำทาง หมายเลขทะเบียน 30-0269 ปทุมธานี ของ หจก.ยุพาการท่องเที่ยว ซึ่งมีนายลำพูล แก้วเกลี้ยง อายุ 51 ปี เป็นคนขับมาเพียงคนเดียว เพื่อมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ หลังจากนำแรงงานชาวพม่าไปส่งที่ชายแดน อ.แม่สอดแล้ว เกิดเบรกแตกไม่สามารถหยุดรถได้ จึงทำให้รถด้านขวาพุ่งชนแบริเอร์จนยางล้อด้านขวาทั้งล้อหน้าและล้อหลังแตกระเบิดเสียงดังสนั่น ก่อนจะพุ่งรถประชาชนและรถยนต์ตำรวจทางหลวง แล้วชนแบริเออร์ด้านซ้ายจุดเดียวกับรถบัสชนเมื่อคืน
ทั้งนี้ ด้วยความแรงของรถทำให้ตัวรถไถลพุ่งลงมาตามทาง ทำให้เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานรวมถึง พ.ต.อ.มานัส ศรประพันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.ตาก ต้องกระโดดหนีตายกันอย่างโกลาหล ขณะที่ ร.ต.อ.สัญญา พุ่มคนสิน รองสารวัตรจราจร สภ.แม่ท้อ และเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงอีก 1 นาย ที่กำลังยืนอำนวยการจราจรบนถนนวิ่งหลบไปอยู่หลังแท่งแบริเออร์กลางถนน และถูกรถบัสคันดังกล่าวกระแทกจนร่างลอยกระเด็นข้ามไปอีกฝั่งถนนได้รับบาดเจ็บมีแผลฉีกขาดที่หัวเข่า
จากนั้นรถบัสคันดังกล่าวยังได้พุ่งเข้าชน น.ส.มานิดา ธัญกิจรุ่งโรจน์ อายุ 37 ปี นักวิชาการแรงงานชำนาญการ ประจำสำนักงานแรงงานจังหวัดตาก ที่พยายามวิ่งหลบไปทางแบริเออร์กลางถนน แต่โชคร้ายถูกรถบัสชนร่างอัดติดและลากไปกับแบริเออร์ เสียชีวิตคาที่อย่างน่าสลดใจ
ด.ต.นิคม กลีบแก้ว ผบ.หมู่ตำรวจทางหลวง จ.ตาก บอกว่า ช่วงเกิดเหตุตนยืนอำนวยการจราจรอยู่ต้นทางก่อนถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร สังเกตเห็นรถบัสคันนี้วิ่งลงเขาผ่านศาลเจ้าพ่อประดู่บนดอยรวกมาด้วยความเร็วสูง จึงรีบโบกให้รถบนถนนหลบชิดซ้าย ระหว่างนั้นเองตัวรถบัสด้านขวาได้พุ่งชนแท่งแบริเออร์จนยางระเบิดแตกเสียงดัง และเสียหลักหันหัวรถพุ่งมาชนรถยนต์กระบะและรถยนต์ตำรวจทางหลวงได้รับความเสียหายยับเยิน ตนและเจ้าหน้าที่อื่นอีก 2-3 นายต้องรีบกระโดดพุ่งตัวหลบจนรอดตายอย่างหวุดหวิด
“เพียงเสี้ยววินาทีจริงๆ ที่เห็นรถคันนี้พุ่งลงเขาไปตามทางชนแบริเออร์ด้านซ้าย และไถลไปชนด้านขวาซึ่งเป็นเกาะกลางถนน หลังฝุ่นสงบพบว่ามีเจ้าหน้าที่แรงงานหญิงเสียชีวิต และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนขับรถได้รับบาดเจ็บแขนหักทั้งสองข้าง มีแผลฉีกขาดอาการสาหัส เจ้าหน้าที่จึงประสานขอทีมกู้ภัยฯ และแพทย์จาก รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มารับตัวเพื่อไปทำการรักษาอย่างเร่งด่วนทันที”
ส่วนความคืบหน้ากรณีรถบัสแรงงานพม่าพุ่งตกเหวกลางดึกที่ผ่านมานั้น จากการสอบสวนนายพิสิษฐ์ ธนถัคพสิษฐ์ อายุ 40 ปี คนขับรถบอกว่า ตนขับรถให้กับบริษัทเพื่อรับส่งแรงงานเพื่อนบ้านชาวพม่าไป-กลับ จาก จ.ฉะเชิงเทรา-ชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นประจำ โดยรถคันเกิดเหตุเป็นรถใหม่ เพิ่งจดทะเบียนเมื่อต้นปี 2560 ใช้รับส่งแรงงานมาต่อวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สอดเป็นประจำทุกวัน
เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่ได้เดินทางมาจาก อ.แม่สอด ในช่วงหัวค่ำ (9 เม.ย.) เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณดอยรวก เป็นถนนทางลเขาลาดชัน รถเกิดวิ่งไหลลงมาตามทางด้วยความเร็ว ตนพยายามเบรกแต่ไม่สามารถหยุดรถได้เนื่องจากลมเบรกหมด จึงพยายามใช้ตัวรถด้านซ้ายเบียดไถลกับแบริเออร์ข้างทางเพื่อหวังชะลอความเร็ว และประคองรถให้เข้าทางหยุดฉุกเฉินแต่เอาไม่อยู่ รถจึงพุ่งข้ามแบริเออร์แล้วพลิกตะแคงไถลไปกับไหล่ทาง ระยะทางยาวกว่า 200 เมตร ก่อนจะพุ่งตกลงไปในเหวลึก 5 เมตร เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว
โดยทันทีที่เกิดเหตุ พล.ต.ณรัช สิงห์ปภาภร ผบบ.มทบ.310, พล.ต.ต.ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผบก.ภ.จว.ตาก, นายวรศักดิ์ วงษ์รอด ผอ.แขวงทางหลวงตากที่ 1, พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าพื้นที่เกิดเหตุเพื่ออำนวยการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และกู้ศพผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ในซากรถบัสดังกล่าวจนกระทั่งรุ่งเช้า
นอกจากนี้ยังพบข้อมูล GPS ของกรมการขนส่งทางบกว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุรถบัสดังกล่าวใช้ความเร็วถึง 102 กม.ต่อชั่วโมง และลดลงเหลือ 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนถึงจุดเกิดเหตุ ถือว่าเร็วกว่ามาตรฐานความปลอดภัยบนเส้นทางดังกล่าวที่ไม่ควรเกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับรถทั่วไป หรือ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับรถใหญ่ หรือรถหนัก
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาต่อนายพิสิษฐ์ ธนถัคพสิษฐ์ คนขับรถบัส ในข้อหาขับโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต, ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด และบรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าได้รับอนุญาต
สำหรับการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจะได้รับเงินช่วยเหลือจากกรมธรรม์ประภันชั้น 1 ในส่วนของค่ารักษาและค่าสินไหมทดแทน ไม่เกินรายละ 300,000 บาท และไม่เกิน 700,000 บาท สำหรับผู้เสียชีวิต (พ.ร.บ.+ประกันชั้น 1)
ขณะที่ พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วยนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก และผู้ช่วยทูตทหาร สาธารณรัฐแห่งสภภาพเมียนมาร์ (พม่า) พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดเมียวดี ได้เดินทางมาตรวจสอบจุดเกิดเหตุและเยี่ยมคนเจ็บที่ รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และ สภ.แม่ท้อ ต.แม่ท้อ อ.เมืองตากด้วย
