เลย - “หิมะดำ” หรือฝุ่นดำปลิวว่อนทั่วเมืองเลย เหตุจากการเผาไร่อ้อยก่อนตัดส่งป้อน 2 โรงงานใหญ่ เผย จ.เลยมีพื้นที่ปลูกอ้อยมากกว่า 3.6 แสนไร่ เกษตรกร 60% เลือกเผาก่อนตัด สาธารณสุขพ้อรณรงค์ห้ามเผาต่อเนื่องแต่ไม่ได้ผล เตือนเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพประชาชน ห้วงนี้ออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาควันพิษจากการเผาอ้อยได้กลับมาสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวเมืองเลยอีกครั้งในช่วง 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา เนื่องจากในพื้นที่มีโรงงานน้ำตาล 2 แห่ง ได้ส่งเสริมเกษตรกรปลูกอ้อยป้อนโรงงานกว่า 360,000 ไร่ เกษตรกรเหล่านี้ราว 60% ใช้วิธีการเผาก่อนตัด ขณะที่การตัดอ้อยสดมีเพียง 40 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะในห้วงเดือนมีนาคมจะเห็นควันพวยพุ่งเป็นบริเวณกว้างเนื่องจากเกษตรกรต้องเร่งตัดอ้อยเข้าสู่โรงงาน
ผลกระทบจากการเผาไร่อ้อยทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ล่าสุดมีฝุ่นดำหรือที่ชาวบ้านเรียกหิมะดำตกเกลื่อนบนถนนเจริญรัฐ ตั้งแต่หน้าวิทยาลัยเทคนิคเลย และบริเวณอื่นๆ จนมาถึงตลาดแลง เทศบาลเมืองเลย และบริเวณอื่นๆ ในเขตเทศบาลเมืองเลย โดยเฉพาะช่วงที่รถยนต์วิ่งหรือมีลมพัดแรงฝุ่นดำเหล่านี้จะปลิวว่อนเข้าในร้านค้า บ้านเรือน และลอยไปตามแรงลม
นางหม เอกนบพระ บ้านเลขที่ 236 ม.12 บ้านเกษตรสมบูรณ์ ต.นาอาน อ.เมืองเลย เล่าว่า ตนเป็นโรคภูมิแพ้ ทุกวันนี้จึงต้องใส่ผ้าปิดปากปิดจมูกเอาไว้ คนที่เผาอ้อยจะเป็นพวกนายทุนที่มาชื้อเหมาไร่อ้อยจากชาวบ้านแล้วเอาคนงานมาจากฝั่งลาว มักจะเริ่มเผาอ้อยตอนเย็นเพื่อที่ว่าตอนเช้าสามารถเข้าไปตัดอ้อยได้สะดวก เผาแบบว่าไม่เกรงกลัวเกรงใจใครเลย
“การเผาอ้อยมันอันตรายมาก นอกจากทำสุขภาพเสียแล้วยังเสี่ยงเกิดไฟไหม้ มีอยู่วันหนึ่งเผากลางวันแสกๆ จนทำให้กลุ่มไฟลอยมาไหม้สวนยางของฉัน ซึ่งฉันก็ไปทำอะไรเขาไม่ได้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวเข้ามาดูแลเรื่องนี้ด้วย” นางหมกล่าว
นายวิวรรธน์ ก่อวิริยกมล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เลย กล่าวว่า ควันไฟจากการเผาอ้อยนั้นจะเกิดฝุ่นซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงเดือน ก.พ.จนถึง เม.ย.ของทุกปีมักมีการเผาหญ้า ฟางข้าว เผาป่า เผาอ้อยกันจำนวนมาก ซึ่งทางจังหวัดเลยได้รณรงค์มาตลอดและต่อเนื่องทุกปี เป็นการทำลายทัศนวิสัยการมองเห็น ทำลายสิ่งแวดล้อม อันตรายต่อสุขภาพ มีการรณรงค์ไม่ให้เผาไร่อ้อยมาอย่างต่อเนื่องแต่ไม่ได้ผล
ที่ผ่านมา จ.เลยมีการตรวจวัดสภาพอากาศ พบว่าค่าที่สูงสุดคือในช่วงต้นถึงกลางเดือน มี.ค. 61 วัดค่าได้ที่ 110 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ถือว่าเกือบถึงขีดอันตราย ได้แจ้งเตือนประชาชนเพื่อป้องกันว่าหากจำเป็นออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย ปิดปากปิดจมูกด้วย
นอกจากนี้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลยยังได้เตือนประชาชนให้รักษาสุขภาพ โดยเฉพาะฤดูร้อนปีนี้จะมีความร้อนเข้าปกคลุมจังหวัดเลยรุนแรงยาวนาน ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ อ่อนเพลีย รับไม่ไหว โดยเฉพาะกับผู้ป่วยผู้มีโรคประจำตัวอยู่ก่อน ทั้งโรคปอด หืดหอบ โรคหัวใจ ผู้ที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศออกได้ดี ผู้ที่ดื่มน้ำไม่เพียงพอ มีความเสี่ยงสูงเรื่องโรคลมแดดมารบกวน ลมชัก ภาวะหายใจ แน่นหน้าอก
ส่วนการออกกำลังกายกลางแจ้งนั้นควรงดช่วงแดดจัด ต้องออกกำลังช่วงเช้าหรือเย็น และงดการดื่มกาแฟและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนออกกำลังกายเด็ดขาด ใครที่มีอาการผิดปกติต้องรีบพบแพทย์ หรือแจ้ง 1669 เช้าช่วยเหลือด่วน