xs
xsm
sm
md
lg

“จรัมพร” นำทีม ป.ป.ท.-สตง.ลุยเชียงใหม่ สอบพบทั้งชาวเขา-หมู่บ้านสหกรณ์โดนโกงเรียบ (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ป.ป.ท.และ สตง.ยกทีมลงพื้นที่เชียงใหม่ ลุยสอบการจ่ายเงินงบประมาณศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงเป็นเงินกว่า 66 ล้านบาท และศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์กว่า 23 ล้านบาท พบเบิกเงินแล้วแต่ไม่จ่ายให้ชาวบ้านจริง แถมมีข้อพิรุธเพียบ เร่งรวบรวมพิจารณาชี้มูลเอาผิดผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด



วันนี้ (22 มี.ค.) พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายสัญชาติ อุปนันชัย ผู้อำนวยการกองอำนวยการต่อต้านการทุจริต, นางสาวอัญชลี เจริญทรัพย์ ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน (ภาค 8 ) ,นายกฤษณ์กระแสเวส ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ท.เขต 5นำทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจของศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งได้รับงบประมาณในปี 2560 จำนวน 67,912,000 บาท หลังมีข้อมูลพบความผิดปกติเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณ
 
โดยเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจที่องค์การบริหารส่วนตำบลกึ๊ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ได้มีชาวบ้านจากอำเภอแม่แตงกว่า 100คนมารอให้ปากคำเจ้าหน้าที่ ก่อนที่คณะจะเดินทางไปตรวจสอบที่ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เป็นจุดที่





 

ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบเงินอุดหนุนเฉพาะกิจของศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดแรกของประเทศไทย พบว่าได้รับจัดสรรงบประมาณในปี 2560 นั้นจำนวน 66,909,000 บาท ลักษณะการใช้จ่ายเงินงบประมาณจะมีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบออกเป็น 15 เขตรับผิดชอบ ได้แก่ อำเภอฝาง เบิกจ่าย 15 ครั้ง รวมเป็นเงิน 8,550,000 บาท, อำเภอพร้าว เบิกจ่าย 12 ครั้ง รวมเป็นเงิน 9,403,000 บาท, อำเภอเวียงแหง (1) เบิกจ่าย 4 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,104,000 บาท, อำเภอเวียงแหง (2) เบิกจ่าย 8 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,265,000, อำเภอเชียงดาว เบิกจ่าย 14 ครั้ง รวมเป็นเงิน 6,120,000 บาท, อำเภอกัลยาณิวัฒนา เบิกจ่าย 11 ครั้ง รวมเป็นเงิน 2,894,000 บาท, อำเภอแม่อาย เบิกจ่าย 14 ครั้ง รวมเป็นเงิน 5,190,000 บาท, อำเภอแม่แตง เบิกจ่าย 15 ครั้ง รวมเป็นเงิน 5,075,000 บาท, อำเภอแม่วาง เบิกจ่าย 14 ครั้ง รวมเป็นเงิน 3,771,000 บาท

จากการสอบถามราษฎรปรากฏรายชื่อผู้รับเงินสงเคราะห์จำนวน 36 ราย เป็นบุคคลกลุ่มชาติพันธุ์จำนวน 31 ราย สัญชาติไทย 5 รายนั้น ชาวบ้านสัญชาติไทยทั้ง 5 รายให้ข้อมูลว่าไม่เคยได้รับเงินสงเคราะห์ตามที่ปรากฏในเอกสารใบสำคัญรับเงินแต่อย่างใด ขณะที่กลุ่มชาติพันธุ์จำนวน 15 รายให้ข้อมูลว่าไม่ได้รับเงินสงเคราะห์ดังกล่าวข้างต้นเช่นกัน


หลังจากนั้นได้ลงพื้นที่สอบถามข้อมูลชาวบ้านหมู่ที่ 8 จำนวน 36 ราย ซึ่งรายหนึ่งนั้นมีชื่อกำนันตำบลกึ๊ดช้างเป็นผู้ได้รับเงินสงเคราะห์ด้วย จึงได้ไปสอบถามข้อมูลกำนันได้ยืนยันว่าตัวเองและลูกบ้านไม่เคยได้รับเงินสงเคราะห์ดังกล่าวเลย โดยจากการสอบถามพบด้วยว่ามีการนำเอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของราษฎรไปใช้โดยที่เจ้าตัวไม่ทราบเรื่องและไม่เคยมอบให้ผู้ใดยกเว้นใช้ติดต่อธุรกรรมที่ อบต.และธนาคารเท่านั้น รวมทั้งมีการปลอมลายมือชื่อด้วย และบางรายมีการกรอกข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เช่น มีการกรอกข้อมูลว่าเป็นบุคคลกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งที่ไม่ได้เป็น

นอกจากนี้ จากการสอบถ้อยคำหัวหน้าเขตอำเภอแม่ริม อำเภอแม่แตง และอำเภอเชียงดาว จำนวน 3 เขต ที่ปรากฏรายมือชื่อปรากฏว่าเป็นผู้รับมอบเงินอุดหนุนมาจากศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดเชียงใหม่ โดยหัวหน้าเขตอำเภอแม่ริมรับเงินสดมาจำนวน 2,877,000 บาท หัวหน้าเขตอำเภอแม่แตงรับเงินสดมาจำนวน 5,075,000 บาท และหัวหน้าเขตอำเภอเชียงดาว รับเงินสดมาจำนวน 6,120,000 บาท เพื่อนำมามอบให้แก่ชาวบ้านในเขตรับผิดชอบตามอำเภอของตัวเองนั้น ในการนี้ หัวหน้าเขตทั้ง 3 เขตต่างให้ถ้อยคำสอดคล้องตรงกันว่าไม่เคยได้รับเงินดังกล่าวแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบเอกสารพบว่าในปีงบประมาณ 2560 เขตรับผิดชอบอำเภอจอมทองมีการเบิกจ่ายงบประมาณสูงสุดถึง 11.25 ล้านบาท


ขณะที่ในช่วงบ่ายทางคณะได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจของศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง อำเภอแม่ออน ตามพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้รับอุดหนุนในปีงบประมาณ 2560 จำนวน 23,747,000 บาท พื้นที่รับผิดชอบตามอำนาจหน้าที่ 1 ตำบล คือตำบลบ้านสหกรณ์ อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตำบลดังกล่าวมีประชากรเพียง 3,321 คน แต่กลับได้เงินงบประมาณอุดหนุนกว่า 23 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบพบความผิดปกติหลายอย่าง เช่น แบบสำรวจข้อมูลผู้ประสบปัญหาสังคมมีการลบข้อมูลที่เคยกรอกไว้ก่อนหน้านั้นและนำแบบฟอร์มไปสำเนาเพื่อนำมากรอกข้อมูลส่วนตัวโดยไม่มีการระบุรายละเอียดอย่างครบถ้วน, เอกสารใบสำคัญรับเงิน เมื่อตรวจสอบด้วยตาเปล่าเปรียบเทียบกันจำนวนหลายฉบับพบว่ามีลายมือที่เป็นของบุคคลเพียง 2-3 คนเท่านั้นที่คล้ายคลึงกันในการกรอกข้อมูล และลงลายมือชื่อเป็นผู้รับเงิน

นอกจากนี้พบด้วยว่าเอกสารประกอบการเบิกจ่ายส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ไม่มีสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับเงินสงเคราะห์ และสำเนาทะเบียนบ้านที่แนบเอกสารประกอบการเบิกจ่ายเป็นที่น่าสังเกตว่าเป็นเอกสารที่เก่าปรากฏข้อมูลเป็นกิ่งอำเภอแม่ออนโดยยังมิได้มีการแก้ไขเป็นอำเภอแม่ออนเช่นปัจจุบันแต่อย่างใด ขณะเดียวกันยังพบด้วยว่าราษฎรหลายรายอยู่ต่างประเทศแต่กลับมีรายชื่อรับเงิน หรือหลายรายเคยลงลายมือชื่อรับเงินเพียงครั้งเดียวแต่กลับมีการระบุว่ามีการลงลายมือชื่อรับเงินหลายครั้ง

พลตำรวจเอก จรัมพรเปิดเผยว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้ต่อเนื่องจากกรณีการตรวจสอบการทุจริตการใช้งบประมาณของศูนย์คนไร้ที่พึ่ง โดยทาง สตง.ให้ข้อมูลว่าตรวจสอบความผิดปกติเกี่ยวกับการใช้งบประมาณในส่วนนี้ของศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดเชียงใหม่ ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดอย่างผิดปกติจากปีงบประมาณ 2559 ที่ใช้งบประมาณเพียงประมาณ 3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 66 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2560 ซึ่งมากที่สุดใน 16 ศูนย์ทั่วประเทศ และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าทางศูนย์จะมีการตั้งหัวหน้าเขตพื้นที่รับผิดชอบในการจ่ายเงินแต่ละอำเภอ

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามปรากฏว่าหัวหน้าเขตพื้นที่ต่างระบุว่าไม่เคยได้รับเงินที่มียอดสูงเป็นหลักล้านบาทเพื่อได้นำไปจ่ายให้ราษฎรตามที่ปรากฏในเอกสารเซ็นรับเงินแต่อย่างใด และมีการปลอมลายมือชื่อด้วย ขณะที่จากการสอบถามราษฎรที่มีรายชื่อรับเงินก็ปรากฏว่าไม่เคยได้รับเงินแต่อย่างใด โดยที่มีการนำชื่อและเอกสารไปใช้โดยที่ไม่รู้เรื่อง

ซึ่งข้อมูลที่ได้รับจากการลงพื้นที่จะมีการรวบรวมนำเข้าสู่การพิจารณาไต่สวนและชี้มูลความผิดเพื่อดำเนินการกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป

ขณะเดียวกัน พลตำรวจเอก จรัมพรบอกด้วยว่า เมื่อดูงบประมาณของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการในปีงบประมาณ 2560 ทั้งสิ้นจำนวน 493 ล้านบาท แบ่งไปให้ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งทั้ง 76 จังหวัด ทั้งสิ้น 123 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25% ขณะที่เหลือ 370 ล้านบาท หรือคิดเป็น 75% ถูกจัดสรรให้กองพัฒนาสังคมกลุ่มเป้าหมายพิเศษ ได้แก่ นิคมสร้างตนเอง 43 แห่ง, ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง 16 แห่ง และศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ ซึ่งในส่วนของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งที่ ป.ป.ท.ตรวจสอบการทุจริตการใช้งบประมาณที่มองกันว่าจำนวนเงินสูงแล้ว ในส่วนกองพัฒนาสังคมกลุ่มเป้าหมายพิเศษที่กำลังตรวจสอบมีงบประมาณสูงมากกว่าอีก



กำลังโหลดความคิดเห็น