ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้ว่าฯ โคราชเร่งช่วยเหลือชาว “บ้านโกรกมะเขือ” ถูกออก น.ส.ล. “วะช่องโค” ทับที่ดินทำกินและรัฐฟ้องขับไล่ติดคุกไร้ที่ดินทำกิน ต้องถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือ เผย ส.ป.ก.นครราชสีมาเตรียมพื้นที่ 200 ไร่ไว้จัดสรรที่ทำกินให้ตามโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกิน ล่าสุดมาขึ้นทะเบียนแล้ว 8 ราย คาดจัดสรรแล้วเสร็จในปีงบฯ นี้
วันนี้ (14 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีชาวบ้านโกรกมะเขือ หมู่ 7 ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา นำโดย นางปั่น เพิกขุนทด กับพวก ได้รับความเดือดร้อนจากการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) ทับที่ดินทำกิน จนถูกฟ้องขับไล่ ต่อมาได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน และล่าสุดสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา (ส.ป.ก.นครราชสีมา) ได้ทำหนังสือถึงนางปั่น เพิกขุนทด กับพวก แจ้งแนวทางการให้ความช่วยเหลือด้วยการเข้า “โครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินทำกิน หรือมีเพียงเล็กน้อยไม่เพียงพอแก่การครองชีพ” ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรรม (ส.ป.ก.) จึงขอให้ราษฎรดังกล่าวนำสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านไปยื่นคำขอขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกินที่ ส.ป.ก.นครราชสีมา โดยการได้รับความช่วยเหลือต้องอยู่ในระเบียบหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกำหนดนั้น
ล่าสุด นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า กรณีของบ้านโกรกมะเขือ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่ถูกกล่าวหาบุกที่สาธารณะวะช่องโค ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด เนื้อที่ 1,329 ไร่ นั้น ทางจังหวัดฯ ได้พยายามช่วยเหลือมาโดยตลอด บางรายที่ถูกดำเนินคดีได้ขออนุมัติเงินกองทุนยุติธรรมเพื่อให้ใช้ในการจ้างทนายความต่อสู้คดีให้เข้าถึงความเป็นธรรม ส่วนรายที่ไม่มีที่ดิน ซึ่งความจริงทางจังหวัดฯ เคยจะนำชาวบ้านกลุ่มนี้ที่ถูกกล่าวหาบุกรุกอยู่ในปัจจุบันนี้มาเข้าโครงการจัดที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรผู้ยากไร้ของรัฐบาล คือ โครงการของคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ( คทช.) แต่เนื่องจากประชาชนบางส่วนในชุมชนคัดค้าน ทำให้โครงการนี้ต้องยกเลิกไป
แต่ในปัจจุบันนี้ทราบว่า ส.ป.ก. มีที่ดินเขตปฏิรูปแปลงที่ว่างจากการยึดจากนายทุนกลับคืนมาอยู่ประมาณ 200 ไร่ ในพื้นที่ อ.ด่านขุนทด ขณะนี้ ส.ป.ก.นครราชสีมาได้เปิดโอกาสให้ประชาชนชาวบ้านโกรกมะเขือกลุ่มนี้ได้เข้าไปลงทะเบียนเกษตรกรผู้ยากไร้ที่ดินทำกิน และมีความประสงค์ที่อยากจะได้ที่ดินทำกินเพื่อเข้าโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินทำกิน ซึ่งหลังจากขึ้นทะเบียนเสร็จแล้วจะทำการตรวจสอบคุณสมบัติ จากนั้นจะมีการจัดสรรที่ดินแปลง 200 ไร่ดังกล่าวให้แก่เกษตรกรต่อไป
อย่างไรก็ตาม ใน จ.นครราชสีมามีประชาชนมาลงทะเบียนเกษตรกรผู้ยากไร้ที่ดินทำกิน มีความประสงค์จะได้ที่ดินทำกินจำนวนมากกว่า 20,000 ราย แต่โดยหลักการแล้ว การจัดสรรที่ดินในพื้นที่อำเภอใดให้เกษตรกรผู้ยากไร้นั้นมักจะพิจารณาจัดสรรให้ผู้ที่มีภูมิลำเนาในอำเภอนั้นเป็นอันดับแรก ฉะนั้นราษฎรในบ้านโกรกมะเขือที่ไปลงทะเบียนไว้ การจัดสรรที่ดินจะต้องดูว่ามีผู้ยากไร้ใน อ.ด่านขุนทดจำนวนเท่าไหร่ และใครมีความจำเป็นก่อน ซึ่งจะมีคณะกรรมการพิจารณาอยู่
สำหรับกรณีชาวบ้านโกรกมะเขือ ต.กุดพิมาย มีผู้เดือดร้อนจากการถูกกล่าวหาบุกรุกที่สาธารณประโยชน์วะช่องโคทั้งหมดประมาณกว่า 30 ราย โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่อยู่ในเขตที่เรียกว่า พื้นที่ไข่แดง จำนวนหนึ่ง เช่น นางระดา สะเทื้อน ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างต่อสู้คดีในชั้นศาลฎีกา และบางรายต่อสู้คดีถึงที่สุดแล้วถูกตัดสินจำคุก หรือบางรายพ้นจากการจำคุกแล้ว ส่วนกลุ่มที่อยู่พื้นที่รอบนอก หรือที่เรียกว่าพื้นที่ไข่ขาวนั้นมีจำนวน 33 ราย บางส่วนได้ทยอยออกไปจากพื้นที่แล้วก็มี
“กรณีของ นางปั่น เพิกขุนทด ที่ได้ทำหนังสือถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือ นั้นอยู่ในกลุ่มพื้นที่ไข่แดง ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุก และพ้นโทษออกมาแล้ว อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่ไปลงทะเบียนเกษตรกรผู้ยากไร้ที่ดินทำกินไว้จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติทั้งหมด ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะได้รับการจัดสรรที่ดินทั้งหมด หากไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามที่กำหนด เช่น ต้องเป็นผู้ไม่มีที่ดินอื่นใด และจะได้รับการจัดสรรที่ดินทำกินไม่เกินคนละ 15 ไร่ เป็นต้น” นายวิเชียรกล่าว
นายวิเชียรกล่าวอีกว่า ความเป็นมาของปัญหาความเดือดร้อนชาวบ้านโกรกมะเขือ หรือปัญหาที่สาธารณประโยชน์วะช่องโค อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา นั้นเป็นเหมือนกับหลายๆ แห่งของ จ.นครราชสีมาและทั่วประเทศ คือเป็นการแย่งสิทธิระหว่างภาครัฐกับประชาชนที่ครอบครองอยู่ โดยวะช่องโค เกิดจากผู้นำชุมชนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าที่ดินที่เคยเป็นที่ทำเลเลี้ยงสัตว์เคยใช้ประโยชน์ร่วมกันมีคนบุกรุกเข้าไปยึดครองเป็นเจ้าของขอให้เรียกคืน
ทางองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านจึงได้ทำการเรียกคืนจากประชาชนกลุ่มที่บุกรุกและเกิดการต่อสู้กัน ทาง อบต.จึงได้แจ้งความดำเนินคดีและนำไปสู่การสู้คดีในชั้นศาล และมีการพิพากษาจำคุกพี่น้องประชาชนที่ถูกกล่าวหาเข้าไปบุกรุก และบังคับให้ออกจากพื้นที่ตามคำสั่งศาล ล่าสุดขณะนี้มีกรณี นางระดา สะเทื้อน ที่ต่อสู้ในชั้นศาลฎีกา ซึ่งคดีข้อพิพาทบริเวณนี้ส่วนใหญ่ศาลพิพากษาให้จำคุกและออกจากพื้นที่ไปแล้ว ส่วนบริเวณรอบข้างที่เป็นพื้นที่ไข่ขาวอีกกว่า 30 รายดังกล่าวก็มีการบังคับให้ออกจากพื้นที่เช่นกัน
จากการที่ตนลงพื้นที่บ้านโกรกมะเขือ ต.กุดพิมาน พบว่าในพื้นที่ประชาชนมีความคิดเห็นแตกออกเป็นสองฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งคือผู้ที่มีบ้านหรือมีที่ดินทำกินอยู่ในพื้นที่สาธารณะวะช่องโค และฝ่ายหนึ่งที่ไม่มีที่ดินทำกิน ก็อยากให้นำมาเป็นของส่วนรวมหรือที่สาธารณประโยชน์เพื่อใช้ร่วมกัน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย
ต่อข้อถามที่ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไรต่อกรณีที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านโกรกมะเขือ จะต้องมีประชาชนติดคุก หรือถูกขับไล่ต่อไปหรือไม่ นายวิเชียรกล่าวว่า ในส่วนที่เป็นแปลงไข่แดงนั้นศาลสั่งยกเว้นของนางระดา สะเทื้อน ไว้รายเดียวที่กำลังต่อสู้ในชั้นศาลฎีกา ส่วนรายอื่นๆ ศาลสั่งให้ออกและถูกจำคุก จึงเหลือบริเวณโดยรอบอีกประมาณ 30 ราย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ จังหวัดฯ พยายามหาทางออกโดยการนำที่ดินสาธารณะวะช่องโค บริเวณโดยรอบหรือพื้นที่ไข่ขาว มาให้ประชาชนอยู่อาศัยและทำกิน ตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้แก่ผู้ยากไร้ของคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ซึ่งหลักเกณฑ์ในการจัดสรรที่ดินนั้นจำเป็นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากพี่น้องประชาชนทั้งหมดของหมู่บ้าน แต่เมื่อไปสอบถามและทำประชาคมหลายครั้งลงไปชี้แจงว่าเพื่อเป็นการแก้ปัญหาร่วมกัน แต่พี่น้องประชาชนส่วนหนึ่งก็ยังไม่เห็นด้วยยังจะต้องการให้ผลักดันออกมาทั้งหมด และให้ดำเนินการต่อผู้ที่บุกรุก ทำให้การแก้ปัญหายังค้างคาอยู่
อย่างไรก็ตาม หากสามารถใช้ที่ดิน ส.ป.ก.มาจัดสรรให้ประชาชนที่เดือดร้อนเหล่านี้ อาจจะเชิญชวนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ไข่ขาวและไม่มีที่ดินอยู่ที่อื่น ไปลงทะเบียนเกษตรกรผู้ยากไร้และจัดที่ดินชดเชยให้ก็จะเป็นแนวทางแก้ปัญหาได้
นายวิเชียรกล่าวอีกว่า กรณีปัญหาที่ดินบ้านโกรกมะเขือนี้ ต้องเรียนว่าการต่อสู้ทางคดีนั้นชาวบ้านมีหลักฐานน้อยกว่าภาครัฐ โดยราษฎรอ้างเพียงว่าอยู่กินกันมานานรุ่นปู่ย่า รุ่นพ่อแม่ แต่ทางราชการจะมีหลักฐานเอกสาร รวมถึงภาพถ่ายทางอากาศอย่างชัดเจน และกระบวนการออก น.ส.ล.นั้นมีกระบวนการชัดเจนตั้งแต่การประกาศ ใครไม่เห็นด้วยกับประกาศให้มาแย้งหรือคัดค้านได้ ซึ่งพี่น้องประชาชนก็ได้คัดค้านแต่ไม่มีหลักฐาน นั่นคือปัญหา
“ท้ายที่สุดแล้วผมเองก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ใครอยู่ก่อนใคร แต่ในชั้นปัจจุบัน คือพี่น้องประชาชนไม่มีหลักฐานสู้กับภาครัฐได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจและต้องเร่งหาทางให้ความช่วยเหลือ” นายวิเชียรกล่าว
ด้าน นายชำนาญ กลิ่นจันทร์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า หลังจากที่ได้รับหนังสือจากกระทรวงมหาดไทยในเรื่องการถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือของชาวบ้านโกรกมะเขือ ทางเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.นครราชสีมาได้เร่งประสานและแจ้งให้ชาวบ้านโกรกมะเขือมาลงทะเบียนเกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกิน เนื่องจากได้ตรวจสอบแล้วยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกิน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มี.ค. มีราษฎรประมาณ 7-8 รายได้มายื่นหลักฐานในการขึ้นทะเบียนไว้แล้ว และเจ้าหน้าที่ได้มอบเอกสารให้ไปกรอกรายละเอียด หากมีกลุ่มราษฎรเพิ่มเติมก็สามารถนำมายื่นได้อีก
สำหรับการจัดสรรที่ดิน “โครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินทำกิน หรือมีเพียงเล็กน้อยไม่เพียงพอแก่การครองชีพ” นั้น ทางรัฐไม่ได้รับรองว่าจะได้ทุกราย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติที่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ส่วนจะได้มากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนราษฎรกับขนาดพื้นที่ที่มีอยู่ด้วย และผู้ที่เข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่รัฐจัดสรรให้ต้องเป็นกลุ่มหรือจัดตั้งเป็นสหกรณ์ ซึ่งไม่ได้จัดสรรให้ฟรี แต่เป็นการเช่าในราคาที่รัฐกำหนด
“ตอนนี้ยืนยันว่าในพื้นที่ อ.ด่านขุนทดมีที่ดิน ส.ป.ก.แปลงที่ว่างอยู่ประมาณ 200 ไร่ ส่วนจะดำเนินการจัดสรรให้ราษฎรผู้เดือดร้อนได้เมื่อไรนั้นต้องพิจาณาอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณนี้แน่นอน” นายชำนาญกล่าวในตอนท้าย