แพร่ - พระนักพัฒนาเรียกร้อง “บิ๊กตู่” ใช้ ม.44 ผ่าทางตันปัญหาสวนสักปลูกทับที่ป่า หลังรัฐส่งเสริมชาวบ้านปลูกต้นสักจนโตแล้ว เจอประกาศเขตป่าทับ-ตัดขายไม่ได้ ระบุ “วังชิ้น” โดนกันทั้งอำเภอ แถมล่าสุดทุกหน่วยงานนิ่ง ทนายอาสาชี้ส่อผิด ม.157
ความคืบหน้ากรณีชาวบ้านหมู่ 12 ต.แม่พุง อ.วังชิ้น จ.แพร่ ไม่สามารถตัดไม้สักที่มีอายุเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 24 ปีขึ้นไป ทั้งที่ปลูกบนที่ดินมรดกตกทอดของตนเอง ตามโครงการส่งเสริมปลูกป่าไม้สักเป็นพืชเศรษฐกิจทดแทนการขาดแคลนไม้แปรรูปในอดีต โดยได้รับเงินสนับสนุนการบำรุงรักษาไร่ละ 3 พันบาทนั้น
พบว่าปัญหาสำคัญเป็นเพราะมีกฤษฎีกาประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในปี 2554 ทับที่ดินเขตปฏิรูปที่ดินที่ชาวบ้านปลูกไม้สักอยู่ ทำให้หน่วยงานปฏิรูปที่ดินไม่รับรองการขออนุญาตตัดไม้สักจำหน่าย
พื้นที่เหล่านี้มีชาวบ้านที่เป็นเกษตรกรรายย่อยฐานะยากจนถือครองในจำนวนคนละ 5 ไร่ขึ้นไป ต่างรอความหวังการตัดไม้สักจำหน่ายเพื่อทำให้ชีวิตพวกเขาได้ลืมตาอ้าปากบ้างตามคำแนะนำของทางราชการในอดีต แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใด ทั้ง ส.ป.ก. สำนักงานป่าไม้ หน่วยงานส่งเสริมโดยตรง รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เข้ามาหาทางออกให้
แม้ว่าชาวบ้านในหมู่ 12 จะร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ และได้รวมเงินค่ารถเดินทางไปยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้วก็ตาม
พระครูวิจิตรธรรมสาธก เจ้าอาวาสวัดสัมฤทธิบุญ เจ้าคณะอำเภอวังชิ้น กล่าวว่า ปัญหาสวนป่าไม้สักที่ได้รับการส่งเสริมจากทางรัฐบาลแต่ตัดไม่ได้ ไม่ได้มีเพียงหมู่ 12 ต.แม่พุง เท่านั้น แต่ตำบลอื่นๆ ของอำเภอวังชิ้นก็เจอปัญหาเดียวกัน ชาวบ้านล้วนได้รับความเดือดร้อน รอให้ทางการมาแก้
“ความผิดนี้ไม่ได้เกิดจากชาวบ้าน แต่เกิดจากการส่งเสริมของทางราชการ หรือว่าทางราชการหลอกให้ชาวบ้านปลูกป่าถาวรหรืออย่างไร ถ้าบอกว่าปลูกป่าถาวร ชาวบ้านคงไม่ปลูกและดูแลมานานถึง 20 กว่าปี เรื่องนี้อาตมาถือว่าไม่เป็นธรรมอย่างมาก ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่นิ่งดูดายอยู่ได้อย่างไร”
พระยงยุทธ ทีปโก เจ้าอาวาสวัดปางงุ้น ตั้งข้อสังเกตว่า ที่ดินที่ถูกส่งเสริมปลูกไม้สักไปแล้ว ทางการอาจผลักดันให้ชาวบ้านขายให้นายทุน กลายเป็นป่าเศรษฐกิจผืนใหญ่ แล้วไล่ชาวบ้านออก ขณะนี้เชื่อว่าเป็นกลไกของรัฐที่ทำให้ชาวบ้านเริ่มขายสิทธิที่ดิน เพราะทำอะไรไม่ได้ ติดต้นสัก ในที่สุดชาวบ้านก็จะไม่มีที่ดินทำกิน เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา
“น่าสงสารชาวบ้านจริงๆ เป็นไปได้หรือไม่ถ้ารัฐบาลมองเห็นปัญหา ช่วงนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังมีอำนาจยังสามารถใช้มาตรา 44 ได้ ทำไมไม่ใช้อำนาจดังกล่าวเข้ามาจัดระบบให้ถูกต้อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ และชาวบ้านได้มีทางออกก่อนที่จะเกิดการฟ้องร้องต่อไป”
นายชาตรี คันทะวงศ์ ทนายความอาสาของจังหวัดแพร่ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นชัดเจนว่ารัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งถ้าดูเจตนาของการปลูกไม้สัก ถ้าบอกกับชาวบ้านว่าเป็นสวนป่าเศรษฐกิจก็ต้องให้ชาวบ้านตัดได้ แต่ถ้าไม่ให้ตัดและพยายามจะฮุบที่ดินชาวบ้านไปเป็นที่ดินของรัฐ หรือที่ดินที่ชาวบ้านทำกินเป็นที่ดินถือครองที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ก็ควรปล่อยให้เขาทำกิน ไม่ควรไปหลอกปลูกไม้สักแล้วไม่ให้ตัด
“ถ้าดูเจตนาแล้ว ทางการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผิดมาตรา 157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ความจริงแล้วเรื่องนี้ควรใช้อำนาจทางปกครองรีบแก้ปัญหาให้ชาวบ้านก่อนที่จะบานปลายหนักขึ้น”