หนองคาย - ศุลกากรหนองคายร่วมสรรพสามิตจับรถบรรทุกน้ำมัน 6 คัน น้ำมันไม่ตรงตามใบแจ้งส่งออก น้ำมันหายไปกว่า 2 แสนลิตร ชี้เป็นขบวนการโกงหวังขอคืนภาษีสรรพสามิต ทำรัฐสูญเสียรายได้กว่า 12 ล้านบาท เจอจับปรับทั้งศุลกากรและสรรพสามิต
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (8 มี.ค.) ที่ด่านศุลกากรหนองคาย นายกฤษฎา ทองธรรมชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2, นายนิมิต แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย, นางสาวชวนชื่น เสือไพฑูรย์ ผู้อำนวยการสรรพสามิตภาคที่ 4, นายอำคา ยอดโพธิ์ สรรพสามิตพื้นที่หนองคาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม กรมสรรพสามิต, ศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง (ศปนม.ตร.), ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย, ศุลกากรหนองคาย ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมรถบรรทุกน้ำมัน 6 คัน คนขับรถ 6 คน
ประกอบด้วย นายชาตรี สมมาตร ชาวอุดรธานี, นายเดชา คชรักษณ์ ชาวนครราชสีมา, นายพลอย ศักดิ์เต็ม ชาวกาญจนบุรี, นายสามารถ ภาสวัสดิ์, นายสำเร็จ บุญหลัง ชาวยโสธร และนายทองดี ศรศักดา ชาวลพบุรี ซึ่งทั้งหมดได้ร่วมกันกระทำความผิดในการสำแดงเท็จ ส่งออกปริมาณคลาดเคลื่อน ตามมาตรา 202 พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และขายโดยไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษี ตามมาตรา 204 พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560
นายกฤษฎา ทองธรรมชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 กล่าวว่า จากงานการข่าวทราบว่าจะมีการลักลอบนำน้ำมันผิดประเภท และน้ำมันไม่ตรงตามจำนวนใบแจ้งส่งออกเดินทางออกนอกประเทศ เป็นการส่งออกน้ำมันไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แล้วกลับมาขอคืนภาษีสรรพสามิต
โดยช่วงเย็นวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ศุลกากรและสรรพสามิตที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว พบรถบรรทุกน้ำมันทั้ง 6 คันนี้นำเอกสารใบส่งออกน้ำมันแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำน้ำมันส่งออกไปยังประเทศลาว
เจ้าหน้าที่จึงเรียกตรวจสอบ พบว่าบางคันแจ้งสำแดงใบขนสินค้าเป็นน้ำมันเบนซิน แต่น้ำมันในถังเป็นน้ำมันดีเซล และปริมาณน้ำมันไม่ตรงกันในใบสำแดง รวมน้ำมัน 6 คัน จำนวน 245,000 ลิตร แต่มีปริมาณน้ำมันจริงในรถทั้ง 6 คัน รวม 46,000 ลิตร น้ำมันหายไปประมาณ 2 แสนลิตร ที่สำคัญคือเป็นขบวนการกระทำความผิดเพื่อหวังจะขอคืนภาษี
ด้านนางสาวชวนชื่น เสือไพฑูรย์ ผู้อำนวยการสรรพสามิตภาคที่ 4 กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมสรรพสามิตได้ติดตามกลุ่มผู้กระทำความผิดในลักษณะนี้อย่างใกล้ชิด และจะได้เข้มงวดดำเนินการตรวจสอบตั้งแต่แหล่งต้นทางจากบริษัทน้ำมันจนถึงปลายทางการส่งออกเพื่อไม่ให้มีการกระทำผิดอีกเนื่องจากทำให้รัฐเสียหาย
ทั้งนี้มีรายงานแจ้งว่า คนขับรถทั้งหมดให้การตรงกันว่ารับน้ำมันจากโรงกลั่นแห่งหนึ่ง (บริษัท เชฟรอน จำกัด) เมื่อมาถึง จ.นครราชสีมา ได้จอดรถแล้วจะมีคนขับรถชุดใหม่มาขับรถน้ำมันออกไปประมาณ 2 ชั่วโมงจึงนำรถกลับมา แล้วคนขับรถชุดแรกจึงขับรถบรรทุกน้ำมันมายัง จ.หนองคาย เพื่อเดินทางนำน้ำมันส่งออกนอกประเทศ โดยรถน้ำมันจะเบาขึ้น
เจ้าหน้าที่คาดว่าจะมีการถ่ายโอนน้ำมันระหว่างทางก็เป็นได้ ซึ่งเมื่อปี 2560 มีการกระทำความผิดลักษณะนี้ที่ศุลกากรหนองคายจับกุมได้ 8 คัน
สำหรับในครั้งนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดจะถูกเปรียบเทียบปรับใน พ.ร.บ.ศุลกากร และ พ.ร.บ.สรรพสามิต ซึ่งแยกตามใบสำแดงขนสินค้าตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ค่าปรับ 1,000 ไม่เกิน 50,000 บาท ต่อ 1 ใบขน
ศุลกากรหนองคายเปรียบเทียบปรับเต็มจำนวนคันละ 50,000 บาท รวม 300,0000 บาท ส่วน พ.ร.บ.สรรพสามิตจะมีค่าปรับจำนวน 8,745,100 บาท และภาษีมหาดไทย 1,374,230 บาท รวมมูลค่าความเสียหายต่อรัฐรวมประมาณ 12 ล้านบาท