ลำปาง - พระนักพัฒนา ร้องผู้ว่าฯลำปาง จี้ตรวจสอบย้อนหลังผู้ใหญ่บ้านแอบถอนเงิน กขคจ.หมุนธุรกิจส่วนตัวกว่า 2 แสน พอเรื่องแดงสารภาพหมดเปลือก พร้อมรับปากจ่ายคืนใน 3 ปี แต่จนถึงวันนี้ ยังไม่มีความคืบหน้า แถม จนท.พช.แค่ลงบันทึกประจำวัน
พระอาจารยสาธิต ธีรปัญโญ ผู้อำนวยการสถาบันธรรมาภิวัฒน์ เครือข่ายพระนักพัฒนา ได้นำเอกสารเข้าร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบพฤติกรรมของผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านสบเติ๋น ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม
โดยหนังสือดังกล่าวสรุปใจความว่า เนื่องด้วย เมื่อวันที่ 15 ก.พ.61 เจ้าหน้าที่ทหาร , ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจปัสสาวะพระครูประทีปปุณทัศน์(สมบูรณ์ ณ ลำพูน) อดีตเจ้าอาวาสวัดสบเติ๋น พบว่ามีสารเสพติด(ยาบ้า)จึงได้ทำการจับกุม และให้พระเภระชั้นผู้ใหญ่ทำการลาสิกขา-ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาผู้ใหญ่บ้านสบเติ๋น ได้ใช้ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ประกาศเสียงตามสายในหมู่บ้าน ยุยงปลุกปั่นชาวบ้านว่า กรณีที่เกิดขึ้น เกิดจากอาตมาภาพอยู่เบื้องหลัง ส่งผลให้อดีตเจ้าอาวาส รวมถึงบรรดาญาติๆ ปักใจเชื่อว่า อาตมาภาพเป็นผู้แจ้งให้เจ้าหน้าที่มาจับกุมอดีตเจ้าอาวาส ประกอบกับมีผู้ประสงค์ดีโทรศัพท์มาแจ้งข่าวแก่อาตมาภาพว่า อดีตเจ้าอาวาส และญาติ คิดอาฆาตและมุ่งร้ายต่ออาตมาภาพ ซึ่งอาตมาภาพได้บันทึกเสียงการสนทนาดังกล่าวไว้ด้วย
ซึ่งการกระทำของผู้ใหญ่บ้านสบเติ๋นดังกล่าว ก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายแก่อาตมาภาพเป็นอย่างมาก จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องมาดูแลรักษาความปลอดภัย ให้แก่อาตมาภาพในปัจจุบัน
เอกสารร้องเรียนของพระอาจารยสาธิต ยังระบุอีกว่า การกระทำของผู้ใหญ่บ้านสบเติ๋นดังกล่าว เป็นการกระทำที่น่าจะมีมูลเหตุจูงใจจากเหตุการณ์ในอดีต ที่อาตมาภาพเคยเป็นผู้ให้คำปรึกษากับกลุ่มชาวบ้าน ที่ร้องเรียนผู้ใหญ่บ้านสบเติ๋น กรณียักยอกเงินโครงการ กขคจ. สมัยที่ผู้ใหญ่บ้านสบเติ๋น ดำรงตำแหน่งสมัยที่ 1 คือ ระหว่าง พ.ศ. 2551-2555 ก่อนที่จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมัยที่สองคือ สมัยปัจจุบัน
ด้งนั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่อาตมาภาพ และเพื่อให้เกิดความถูกต้องชอบธรรมขึ้นในสังคม อาตมาภาพ จึงขอให้ท่านตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ใหญ่บ้านสบเติ๋น ใน 3 ประเด็นดังต่อไปนี้ คือ
1. การประกาศเสียงตามสายในหมู่บ้านกรณียุยงปลุกปั่นชาวบ้านให้เกลียดชังอาตมาภาพ ว่าการกระทำดังกล่าวถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ และหากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมขอให้มีการลงโทษทางวินัยต่อไป
2. ขอให้มีการรื้อฟื้น และตรวจสอบการร้องเรียนผู้ใหญ่บ้านสบเติ๋น กรณียักยอกเงินโครงการ กขคจ.สมัยที่ผู้ใหญ่บ้านสบเติ๋น ดำรงตำแหน่งสมัยที่ 1 คือระหว่าง พ.ศ. 2551-2555 ก่อนที่จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมัยที่สองคือ สมัยปัจจุบัน โดยให้ถือเอาคลิปวีดิโอบันทึกการสารภาพของผู้ใหญ่บ้านสบเติ๋นว่า ได้ยักยอกเงินโครงการ กขคจ. ไปใช้ในธุรกิจส่วนตัวจริง ทั้งๆที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และรู้ระเบียบเป็นอย่างดี ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เป็นความผิด ขอให้มีการปลดผู้ใหญ่บ้านสบเติ๋น ออกจากตำแหน่งต่อไป
ซึ่งเมื่อดูวิดีโอ ที่ได้มีการบันทึกไว้ขณะที่เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมขนอำเภอแม่เมาะ เข้าตรวจสอบเงิน กขคจ.ที่หายไปรวม 210,000 บาทเศษ แล้วก็พบว่า ผู้ใหญ่บ้านสบเติ๋น ได้รับสารภาพว่าตนเองนำเงิน กขคจ.ออกไปใช้ในธุรกิจส่วนตัวจริง และจะขอชำระคืนให้ภายใน 3 ปี แต่ชาวบ้านที่มาร่วมประชุมส่วนใหญ่ไม่พอใจ และมีการโต้เถียงกันเป็นระยะ
และจากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า เมื่อเรื่องแดงขึ้น ผู้ใหญ่บ้านรับสารภาพว่าเอาเงินไปจริง ซึ่งถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนฯ กลับไปที่ สภ.แม่เมาะ และลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น พร้อมกับทำข้อตกลงให้ผู้ใหญ่บ้านฯผ่อนชำระเงินคืนโดยมีผู้ค้ำประกัน 3 คน โดยไม่ประสงค์แจ้งความร้องทุกข์
ขณะที่ทางจังหวัดฯ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบในเรื่องดังกล่าว แต่เหมือนทุกอย่างจะเงียบหายไป ชาวบ้านในชุมชนไม่เคยทราบความคืบหน้าในกรณีดังกล่าว แม้จะมีการทำหนังสือทวงถามไปหลายครั้งแล้วก็ตาม จนกระทั่งผู้ใหญ่บ้าน ครบวาระในปี 2555 และยังมาลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่-ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นสมัยที่ 2 จนถึงปัจจุบัน
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังปลัดอำเภอแม่เมาะคนปัจจุบัน ถึงเรื่องดังกล่าว บอกว่า ตนเพิ่งได้รับเรื่องให้ทำการสอบสวน และขณะนี้ได้สอบพยานครบทุกคนแล้ว พร้อมที่จะสรุปรายงานส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้รับทราบเร็วๆนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุเกิดมาตั้งแต่ปี 2551 แต่ทำไมการสอบวินัยถึงได้ล่าช้า ทอดเวลามายาวนานขนาดนี้ ปลัดอำเภอแม่เมาะ กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นตนไม่ทราบ เพราะเพิ่งมารับตำแหน่ง และได้รีบดำเนินการในเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด ส่วนความผิดด้านอื่นๆก็คงอยู่ที่เจ้าของเงิน หรือผู้มีอำนาจในเรื่องนั้นจะเป็นผู้ดำเนินการต่อไป