xs
xsm
sm
md
lg

จีนใช้ “ไห่เถา” ผ่านด่านโมฮาน หนุนการค้าอีคอมเมิร์ซเส้นทางอาร์สามเอรุ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เชียงราย - ทางการจีนเดินหน้านำระบบ “ไห่เถา-Cross border E-commerce” ใช้กับด่านโมฮาน ตรงข้ามบ่อเต็น สปป.ลาว เต็มรูปแบบ นำเข้าไม่เกิน 20,000 หยวน/ปี ฟรีภาษีศุลกากร เชื่อหนุนการค้าอี-คอมเมิร์ซผ่านเส้นทาง R3a รุ่ง เพิ่มโอกาสเอสเอ็มอีไทยทำตลาดจีน

นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานเครือข่าย MOC (Minister of commerce) บิสคลับเชียงราย และ 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมทั้งเป็นประธานกิตติมศักดิ์หอการค้า จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ทุกวันนี้ถนนอาร์สามเอเชื่อมระหว่างไทย (อ.เชียงของ จ.เชียงราย) -สปป.ลาว-มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ยังคงเป็นเส้นทางหลักทางบกที่ใช้เพื่อการค้าขายในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะไทย-จีน และมีแนวโน้มคึกคักมากขึ้น

หลังทางการจีนนำระบบ “ไห่เถา” (Cross border E-commerce) มาใช้ที่ด่านโมฮาน ตรงข้ามด่านบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว ซึ่งเป็นรูปแบบการซื้อสินค้าจากต่างประเทศผ่านอินเทอร์เน็ต จัดส่งผ่านระบบขนส่งสินค้าด่วนระหว่างประเทศและชำระเงินผ่านบัตรเครดิตหรือผู้ให้บริการชำระเงินบุคคลที่ 3 ได้

จากเดิมการขนส่งสินค้าผ่านถนนอาร์สามเอ นอกจากจะต้องผ่านด่านศุลกากรเชียงของ ข้ามสะพานมิตรภาพแม่น้ำโขงไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 4 ไปยังแขวงบ่อแก้ว และแขวงหลวงน้ำทาแล้ว ยังต้องทำพิธีการผ่านศุลกากร ณ ด่านโมฮาน เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ซึ่งกรณีเป็นสินค้าส่งออกไปจากไทยก็ต้องเสียภาษีในอัตราเต็มที่เพราะไม่ได้เป็นประเทศที่มีเขตแดนติดกับจีน

ระบบไห่เถา ถือว่าแตกต่างจากในอดีตมาก เพราะการค้าย่านนี้เดิมเป็นการค้าชายแดนที่มีการใช้เงินสด หรือการค้านอกระบบ แต่เมื่อปรับมาใช้อีคอมเมิร์ซก็ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวกันอย่างขนานใหญ่ และถือเป็นโอกาสที่จะส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายในจีนได้มากขึ้น เพราะระบบนี้เน้นเฉพาะรองรับสินค้าที่ส่งเข้าไปในจีนเป็นสำคัญ

นายพัฒนากล่าวอีกว่า ข้อกำหนดของไห่เถา คือ จำกัดมูลค่าการซื้อแต่ละครั้งไม่เกิน 2,000 หยวน (ประมาณ 10,000 บาท) ต่อครั้ง และไม่เกิน 20,000 หยวนต่อปี ซึ่งผู้ซื้อจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร หรือมีอัตราภาษีเป็น 0% และเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม-ภาษีสรรพสามิตในอัตราร้อยละ 70 ของอัตรามาตรฐาน

แต่หากมูลค่าการนำเข้าต่อครั้งเกินกว่า 2,000 หยวน หรือมูลค่าเกินกว่า 20,000 หยวนต่อปี ก็จะมีการคิดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศแบบปกติ

ดังนั้น ทางภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก หรือเอสเอ็มอีในภาคเหนือ ที่ ดร.ดนัยธัญ พงษ์พัชราธรเทพ จากวิทยาลัยสื่อ ศิลปและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดทำโครงการสนับสนุน จึงเห็นเป็นโอกาสที่จะส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนด้วยช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วดังกล่าว

“ภาคเหนือของประเทศไทยมีสินค้าเอสเอ็มอีจำนวนมาก และหลายอย่างเป็นที่ต้องการของจีนตอนใต้ ซึ่งจะได้มีการหารือเพื่อส่งเสริมสินค้า และหาช่องทางขายผ่านระบบไห่เถา โดยให้เครือข่ายบิสคลับแต่ละจังหวัดฝึกอบรมการสร้างช่องทางตลาดออนไลน์กับจีน เลือกแอปพลิเคชันที่สนับสนุนการตลาด เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้แพลตฟอร์มในการส่งสินค้าเข้าจีนและขยายไปยังประเทศอื่นๆ ได้ต่อไป”


กำลังโหลดความคิดเห็น