xs
xsm
sm
md
lg

“ ครูปรีชา” เผยใช้หลักพระพุทธเจ้า ระงับจิตสู้โลกโซเชียลฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - “ ครูปรีชา” เผยใช้หลักพระพุทธเจ้า ระงับจิตสู้โลกโซเชียลฯ พร้อมฝากถึงทนายตั้ม ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่เป็นห่วงตัวเองจะดีกว่า และฝากถามหมวดจรูญ ซื้อลอตเตอรี่ ที่ไหน จากใคร



วันนี้ ( 25 ก.พ.)นายปรีชา ใคร่ครวญ เปิดเผยถึงกรณีที่ทนายษิทรา ออกมาบอกว่า ไม่ได้เป็นการข่มขู่ แต่เป็นการเตือนด้วยความหวังดี นั้นต้องขอขอบคุณทนายตั้ม ที่ออกมาเตือนด้วยความหวังดี แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาของการเตือน แต่เป็นการรอผลการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะแถลงการณ์ให้ทราบอยู่แล้ว

แต่การเตือนด้วยความหวังดีของทนายตั้ม มันเป็นการข่มขู่ในเชิงนิตินัย ซึ่งตนเองไม่เคยไปเตือนใคร เพราะว่าทุกคนรู้หน้าที่ของตนเองอยู่แล้ว ย้ำว่าความจริงก็คือความจริง และตอนนี้ฝากไปถามฝั่งของ ร.ต.ท.จรูญ ด้วยว่า ไปซื้อลอตเตอรี่ที่ไหน และไปซื้อจากใคร

ส่วนกรณีที่ ทางทนายตั้มได้มีการโพสต์เตือนว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่วันนั้น การโพสต์ของทนายตั้ม ออกมาโพสต์ทุกวัน ซึ่งเขาเป็นนักกฎหมาย หลักฐานก็ควรต้องเอาไว้ต่อสู้ในกระบวนการของศาล เคยบอกไปหลายครั้งแล้วว่า ใครมีหลักฐาน ก็ควรจะเอาสู้กันที่ศาล เพราะอีกไม่นานก็จะเข้าสู่กระบวนการศาลอยู่แล้วขอให้ทนายตั้มรออีกสักนิดหนึ่ง ไม่ใช่เอามามอมเมาประชาชนแบบนี้ ความจริงก็คือความจริง เราหลีกหนีความจริงกันไม่พ้นหรอก

นายปรีชา เผยอีกว่า หากผลสรุปออกมาว่าเป็นของหมวดจรูญ ซึ่งมันเป็นแค่แนวทางในเบื้องต้นของการพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราก็ต้องเข้าสู่กระบวนการศาล เพราะตอนนี้ในเรื่องของกระบวนการศาล ครูได้ฟ้องแพ่งเขาอยู่

“ กรณีทางเจ้าหน้าที่กองปราบฯได้ออกมาพูดแบบกว้างๆเอาไว้ว่า จะให้โอกาสกับคนผิดได้กลับตัวกลับใจ ตรงนี้ตนเองมองว่าการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาบอกแบบกว้างๆ เชื่อว่าตำรวจเขาพูดในเชิงกฎหมายของเขาซึ่งถ้าหากใครรู้ตัวว่าเป็นคนผิดก็ให้ไปรับสภาพ แต่ถ้าหากจะรู้ว่าใครผิดใครถูกต้องผ่านกระบวนการศาลก่อนอยู่แล้ว”

สำหรับกรณีที่อาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา ออกมาโพสต์ถามว่าทำไมต้องฟ้องแพ่งด้วย เพราะหากชนะคดีเงินก็ตกเป็นของครูอยู่แล้ว ครูปรีชาตอบว่า ประเด็นนี้ครูเองไม่ได้เป็นนักกฎหมาย ดังนั้นเมื่อนักกฎหมายของเรา คือทนายความได้แนะนำ เราก็ต้องทำตามทนายความ การที่มีผู้มาเตือนในลักษณะของการข่มขู่นั้น

ต้องชี้แจงว่าที่ผ่านมาไม่ได้พูดอะไรเลย และไม่เคยไปบอกเขาว่า เขาต้องยอมรับหรือว่าคนนี้ต้องยอมรับ ทำไมต้องไปบอกกัน อย่างนี้เขาเรียกว่าอะไร ซึ่งตนเองไม่เคยไปบอกทางโน้นเลยว่าต้องยอมรับนะ ซึ่งไม่เคยไปพูด เพราะเราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งการมีคดีความก็คือการมีความขัดแย้งระหว่างคนสองคน ซึ่งทนายตั้มเองก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ทำไมทนายตั้มถึงรู้ดีจังเลย

ส่วนกรณีที่ตนเองถูกโจมตีทางโลกโซเชียลฯ นั้นเข้าใจดี แต่สักวันหนึ่งโลกโซเชียลเองก็จะเข้าใจในตัวตนเอง สำหรับครูที่โรงเรียนต่างก็คอยให้กำลังใจ เพราะทุกคนรู้ว่าตนเองมีนิสัยอย่างไร และที่ผ่านมาสื่อมวลชนได้ไปคอยสัมภาษณ์ที่โรงเรียน หากจะไม่ให้สัมภาษณ์ก็เกรงใจนักข่าว เพราะนักข่าวก็ต้องทำตามหน้าที่

“นักข่าวบางคนต้องเดินทางมาจาก กรุงเทพ ฯ ซึ่งเข้าใจว่ามันเป็นหน้าที่ แต่หลังจากนี้ก็ขอให้สื่อมวลชนมาพบและขอสัมภาษณ์ผมที่บ้าน แทน เพราะที่โรงเรียนเป็นสถานศึกษาดูไม่เหมาะสม ที่ผ่านมาตนเองถูกกระแสโซเชียลฯ โจมตีอย่างหนัก ใช้หลักในองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์บอกว่ามนุษย์เรานี้ ให้เดินสายกลาง ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป และให้ดูที่สติ เพราะเมื่อมีสติก็จะเกิดปัญญา สติของเราต้องควบคุมตัวของเราเอง กายกับจิตต้องแยกออกจากกัน กายตอนนี้คือมีเรื่องของคดีความ ส่วนจิตของผมคือจิตที่เราเป็นครู เราต้องสอนนักเรียน และเราต้องเป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ ดังนั้นจิตที่ดีงาม กับกายที่ดีงาม ก็จะมารวมกันและกลายเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์”




กำลังโหลดความคิดเห็น