xs
xsm
sm
md
lg

ผู้บริหารท่าเรือคิตาคิวชู เยือน ทลฉ.กระชับสัมพันธ์ท่าเรือพี่น้องนานกว่า 20 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้บริหารท่าเรือคิตาคิวชู ประเทศญี่ปุ่น เดินทางเยือนท่าเรือแหลมฉบัง หารือร่วมผู้บริหารฯ หวังร่วมกันพัฒนาท่าเรือรูปแบบใหม่ๆ โดนเน้นพลังงานทดแทน พร้อมทั้งส่งเสริมการตลาดท่าเรือภูมิภาค เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ และขยายความร่วมมือกัน

ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เผยว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา MR.SHIGEKI HIGASHIDA และ MRS.TOMOKO TAKEMOTO ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ท่าเรือคิตาคิวชู ประเทศญี่ปุ่น เดินทางมาร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคณะผู้บริหารท่าเรือแหลมฉบัง ณ ห้องประชุม 1 อาคารบริหารท่าเรือแหลมฉบัง มี นางสิริมา กีรตยาคม ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานสนับสนุน และคณะผู้บริหารฯ ให้การต้อนรับ โดย นางพรทิพา ทวีนุช ผู้อำนวยการกองบริหารงานทั่วไป ท่าเรือแหลมฉบัง บรรยายสรุปกิจการโครงการพัฒนาต่างๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง ให้รับทราบ

ร.ต.ต.มนตรี กล่าวอีกว่า ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ MR.SHIGEKI HIGASHIDA และ MRS.TOMOKO TAKEMOTO ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ท่าเรือคิตาคิวชู ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นท่าเรือแรกที่ตกลงบันทึกความร่วมมือเป็นท่าเรือพี่น้องกับท่าเรือแหลมฉบัง หรือ MOU เมื่อปี พ.ศ.2534 เพื่อเป็นพันธมิตรในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงวิชาการ การช่วยเหลือด้านองค์ความรู้ต่างๆ ด้านสถิติ และการประชาสัมพันธ์ในเรื่องของการเข้าเทียบท่าของท่าเรือทั้งสองฝ่าย

นอกจากนั้น ยังมีข้อตกลงอย่างเป็นทางการ คือ การแลกเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูง 1 คน และระดับผู้ติดตาม 1 คน โดยทางท่าเรือแหลมฉบัง ไปเยี่ยมเยือนของทั้ง 2 ท่าเรือ โดยจะผลัดกันปีละ 1 ครั้ง รวมทั้งจะมีการประชุมใหญ่ตามวาระที่เหมาะสม เพื่อติดตามและการพูดคุยในเรื่องต่างๆ เพือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของทั้ง 2 ท่า ซึ่งในครั้งนี้เป็นวาระที่ท่าเรือคิตาคิวชูมาเยือนท่าเรือแหลมฉบัง

ร.ต.ต.มนตรี กล่าวต่อไปว่า สำหรับท่าเรือแหลมฉบังที่ได้รับมาจากท่าเรือคิตาคิวชู ในช่วงแรกๆนั้นคือ การออกแบบท่าเรือขั้นที่ 1 โดยใช้เทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างพร้อมๆกัน คือ การขุดลอกร่องน้ำ การถมทะเล การขนส่ง และขนถ่าย ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่นทั้งสิ้น

สำหรับท่าเทียบเรือในประเทศญี่ปุ่น จะมีท่าเทียบเรือประจำหัวเมืองเกือบทุกเมือง ซึ่งรวมทั้งสิ้นประมาณ 40-50 เมือง ดังนั้น ยอดการขนส่งสินค้าไม่เติบโตเท่าที่ควร ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ ล้านกว่าตู้ แต่ของท่าเรือแหลมฉบัง มีประมาณ 8 ล้านตู้แล้ว ทั้งๆ ที่เริ่มพร้อมกัน โดยสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ควรนำมาเปรียบเทียบ แต่ขอให้เป็นเพื่อนและพี่น้องกันตลอดไป และข้อให้อย่าวิตกกังวล โดยพร้อมจะให้การช่วยเหลือ และให้คำปรึกษาตลอดไปหากมีการร้องขอมา ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้แก่ท่าเรือคิตาคิวชู เป็นอย่างมาก

ร.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า ทางท่าเรือแหลมฉบังยังต้องขอความช่วยเหลือจากประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีแนวความคิดที่แตกต่าง เช่น ขณะนี้ได้มุ่งเน้นการใช้พลังงานทดแทน เช่น จะติดตั้งทุ่งกังหันในทะเล ติดตั้งระบบโซล่าต่างๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนาท่าเรือ นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นทางด้านสนามบิน และการทำท่าเรือโดยสารควบคู่ไปกับท่าเรือตู้สินค้าไปด้วย ซึ่งจะต้องมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันไป

สำหรับผู้บริหารของท่าเรือคิตาคิวชู ที่เดินทางมาในครั้งนี้ ทางคณะผู้บริหารท่าเรือแหลมฉบัง ได้พาไปดูภาพมุมสูงทั้งหมด ว่า ท่าเรือแหลมฉบังในปัจจุบันเป็นอย่างไร นอกจากนั้น ยังพาเข้าชมท่าเทียบเรือ B5 ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือที่ส่งสินค้าไปยังท่าเรือคิตาคิวชูอีกด้วย และหลังจากนั้น ได้เข้าไปที่ท่าเทียบเรือนามยง เทอร์มินัล จำกัด ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือที่ส่งออกรถยนต์เป็นลำดับที่ 4 ของโลก เพื่อดูระบบ และองค์ความรู้ต่างๆ




กำลังโหลดความคิดเห็น