เชียงใหม่ - ตามส่องธุรกิจปางช้างที่ “แม่ตะมานเชียงใหม่” แหล่งเลี้ยงช้างใหญ่ของเชียงใหม่ และประเทศไทย วันนี้ไม่ได้มีแค่ “ช้างโชว์” หลายแห่งมุ่งการเที่ยวเชิงนิเวศ เปิดโปรแกรมให้คนเลี้ยงช้างพาช้างแช่โคลนดำทำสปา นักท่องเที่ยวต่างชาติจองคิวต่อเนื่อง
เชียงใหม่ เมืองแห่งการท่องเที่ยวที่ตอบสนองทุกความต้องการของนักท่องเที่ยว จากต้นธารแห่งธรรมชาติ จนถึงที่เที่ยว ที่ชอปสุดหรู ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวไทยด้วยกันเอง หรือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก
“ปางช้าง” ถือเป็นอีกหมุดหมายหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต่างให้ความสนใจเป็นอันดับแรกๆ ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวขนาดใหญ่เกือบจะที่สุดของเชียงใหม่ แต่ความสนใจของนักท่องเที่ยวก็มีต่างๆ กัน ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวชาวไทย และจีนจะสนใจดูการแสดงของช้าง หรือที่เรียกกันว่า “ช้างโชว์” ตามปางช้างขนาดใหญ่ ที่มีการแสดงของช้างในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งสนุกกับการนั่งบนหลังช้างเพื่อท่องเที่ยวในระยะทางสั้นๆ ด้วย
แต่ล่าสุด ยังมีการท่องเที่ยวเกี่ยวกับช้างในอีกรูปแบบหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นเคยนัก คือ การเที่ยวปางช้างในรูปแบบของการเลี้ยงช้าง และเรียนรู้ประสบการณ์ควาญช้าง ซึ่งตลาดส่วนใหญ่ของปางช้างแบบนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องการที่จะสัมผัสอยากใกล้ชิดกับช้างมากกว่าที่จะดูการแสดงของช้างแบบห่างๆ
นายเสถียร ใจคำ เจ้าของปางช้าง Thai Elephant Home บ้านแม่ตะมาน ต.กื้ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเจ้าแรกๆ ที่บุกเบิกการท่องเที่ยวช้างในรูปแบบการอนุรักษ์ช้าง และธรรมชาติแบบ Ecotourism หรือการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ บอกว่า ย่านแม่ตะมาน เป็นแหล่งใหญ่ของปางช้าง มีปางช้างมากมาย มีช้างที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 500 เชือก จัดว่าเป็นพื้นที่ที่มีช้างอยู่มากที่สุดของประเทศไทย
นายเสถียร บอกว่า ตนซึ่งเป็นชาวบ้านดั้งเดิมแถวนี้ก็เคยทำงานอยู่ในปางช้างใหญ่มาก่อนเช่นเดียวกับชาวบ้านแถวนี้ที่ส่วนมากก็ทำงานในปางช้าง หรือรีสอร์ต อยู่ในวงจรของธุรกิจการท่องเที่ยวไม่ว่าด้านใดด้านหนึ่ง
ต่อมา ตนเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวฝรั่งบางส่วนต้องการที่จะสัมผัสใกล้ชิดกับช้าง อยากจะป้อนอาหารช้างด้วยตัวเอง ได้ทำกิจกรรมอื่นๆ ร่วมกับช้าง เช่น อาบน้ำให้ช้าง เล่นโคลน นวดให้ช้าง เดินป่าร่วมกับช้าง ได้สัมผัสกับธรรมชาติในป่า จึงได้ริเริ่มทำปางช้างเล็กๆ โดยเริ่มจากใช้ช้างไม่กี่เชือก แล้ววางโปรแกรมต่างๆ ให้สอดคล้องต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้
ซึ่งต่อมาก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ และมีกิจการปางช้างขนาดเล็กในรูปแบบที่คล้ายกันเกิดขึ้นมาอีกมากในทุกวันนี้ โดยแต่ละที่ก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป แต่ก็มีความคล้ายกันในลักษณะกิจกรรมที่เน้นไปที่ความสัมพันธ์ใกล้ชิดของคนกับช้าง ซึ่งก็น่ายินดีที่ได้เกิดการท่องเที่ยวช้างในมุมใหม่ๆขึ้นมา
สำหรับที่บ้านช้างไทย หรือ Thai Elephant Home แห่งนี้ เปิดให้บริการมา 10 กว่าปีแล้ว ปัจจุบันมีช้างที่ทำงานกับที่นี่ 14 เชือก และมีช้างเด็กที่ยังไม่ได้ทำงานอีก 5 เชือก ซึ่งจัดไว้ให้อยู่อีกที่หนึ่ง พร้อมกับช้างใหญ่ และคนที่คอยดูแล ถือว่าเป็นเนอร์สเซอรี่ อนุบาลช้าง เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเติบโตขึ้นต่อไป โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ทั้ง 2 แห่ง
กิจกรรมที่นี่จะเริ่มจากการให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับช้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิถีชีวิต อาหารการกิน การเข้าใกล้ชิด และการปฏิบัติกับช้าง มีการบรรยายจากทีมงานมืออาชีพ ต่อจากนั้นก็จะเป็นกิจกรรมการให้อาหารช้าง ต่อด้วยการเดินป่ากับช้างทั้งขึ้นเขาลงห้วย และต้องขึ้นไปนั่งบนคอช้างร่วมกับควาญด้วยในบางช่วงที่ต้องข้ามน้ำแม่แตง
จากนั้นก็แวะพักรับประทานอาหารกลางวันที่สวนบนภูเขาของทางปางช้าง ที่มีบ่อน้ำผุดขึ้นมาเป็นโคลนสีดำ ซึ่งได้ส่งตรวจสอบแร่ธาตุจากห้องทดลองที่ได้มาตรฐานแล้วว่า มีแร่ธาตุที่สำคัญ ดีต่อผิวทั้งมนุษย์ และสัตว์ เป็นแร่ธาตุตัวเดียวกับที่ “ภูโคลน” อันมีชื่อเสียงของจังหวัดแม่ฮ่องสอนเลยทีเดียว
“ที่นี่ช้างจะสนุกสนานกับการเล่นโคลนดำ และนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปร่วมสนุกได้โดยการเป็นหมอนวดสปาให้ช้าง เป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชอบมากเป็นพิเศษ”
หลังจากอาหารเที่ยง และเล่นโคลนดำกับช้างแล้ว ก็จะพาช้างเดินอ้อมลงแม่น้ำแม่แตงอีกด้านหนึ่ง เพื่อนำไปสู่กิจกรรมอาบน้ำกับช้าง ต่อจากนั้น ก็พากันเดินกลับไปที่ปางช้าง ทั้งหมดเป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร ใช้เวลาตั้งแต่ประมาณ 9 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมงเย็น ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามของขุนเขา และสายน้ำตลอดเส้นทาง ซึ่งสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของบ้านช้างไทย หรือ Thai Elephant Home ก็คือ จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวแต่ละวันเพื่อที่จะบริการได้อย่างทั่วถึง และเป็นส่วนตัว โดยลูกค้าหนึ่งคนจะได้ดูแลช้าง 1 เชือก พร้อมกับควาญช้างส่วนตัว ซึ่งทำให้ได้ใกล้ชิดกับช้างเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ถ้าลูกค้าต้องการที่จะเล่น หรือไปป้อนอาหาร ทำกิจกรรมร่วมกับช้างน้อย ก็สามารถเลือกใช้บริการในอีกหนึ่งโปรแกรมด้วย แต่ต้องเดินทางไปอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งปางช้างน้อยที่เป็นเนอร์สเซอรี่นั้น จะอยู่กับธรรมชาติมากๆ เป็นไร่เกษตรอินทรีย์ หรือออแกนิก ไม่มีทั้งไฟฟ้า และไวไฟให้ด้วย และกำลังจะเปิดตัวรับแขกให้เข้าพักเป็นฟาร์มสเตย์ในเร็วๆ นี้ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการอยู่กับธรรมชาติที่สะอาดบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ได้พักผ่อนฟื้นฟูร่างกายและจิตใจไปกับเด็กๆ ช้างน้อยในปางช้างเด็กของเรา
เจ้าของปางช้างผู้มีแนวคิดก้าวหน้าทั้งในด้านการท่องเที่ยว และการอนุรักษ์ธรรมชาติ เปิดเผยต่อว่า ในมุมมองส่วนตัวก็อยากให้เข้าใจในเรื่องของธุรกิจการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องต่อช้าง คิดว่าช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของเมืองไทยเราที่ดำเนินชีวิตอยู่คู่กับคนไทยมาตลอดทุกยุคทุกสมัย
แต่ตอนนี้เหตุการณ์เปลี่ยนไป จากช้างไทยที่คอยช่วยในศึกสงคราม และเป็นช้างทำงานหนักลากไม้ซุงในป่า กลายมาเป็นช้างที่ทำงานอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ช้างก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าของ และช้างก็ต้องทำงานเช่นเดียวกับคนเราเช่นเดียวกัน ซึ่งช้างที่นี่ทำงานอย่างมีความสุข และไม่ได้ทำงานหนักแต่อย่างได
ส่วนมุมมองในการใช้ตะขอกับช้างซึ่งบางคนอาจจะมองว่าเป็นการทารุณสัตว์นั้น มันเป็นข้อปฏิบัติ เป็นประสบการณ์กับช้างมาอย่างยาวนานจนเป็นธรรมเนียม เพื่อเป็นการควบคุมสัตว์ใหญ่ ที่อาจสร้างอันตรายให้แก่มนุษย์ได้ ซึ่งปกติควาญช้างก็จะมีความรักช้าง ไม่ได้กระทำรุนแรงกับช้างแต่อย่างได มีไว้ใช้เพื่อออกคำสั่งเพื่อความเรียบร้อยเท่านั้น อยากให้คนไทยได้เข้ามาสัมผัส มีมุมมองใหม่ๆ ต่อการท่องเที่ยวช้างไทยในเชิงอนุรักษ์
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ที่ www.thaielephanthome.com และเฟซบุ๊กแฟนเพจ Thai Elephant Home เชียงใหม่ หรือติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-9434-2047 และ 08-9554-5547