xs
xsm
sm
md
lg

พบรักใหม่ใน“ฮอยอัน”...บนเส้นทางปั่นมากเสน่ห์/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
เมืองเก่าฮอยอันยามราตรี กับแสงสีประดับจากโคมไฟและร้านรวงต่างๆ
“ฮอยอันฉันรักเธอ”

ละครแนวโรแมนติก-ดราม่า ของบ้านเรา(ฉายปี พ.ศ. 2548) ที่ทรงอิทธิพลต่อนักท่องเที่ยวชาวไทยไม่น้อย เพราะมันได้กลายเป็นคำพูดยอดฮิตของนักท่องเที่ยวบ้านเราไปโดยปริยาย

เวลาที่นักท่องเที่ยวไทยหลายๆคนไปเที่ยวฮอยอันต่างก็มักจะพูดกันว่า

“ฮอยอันฉันรักเธอ”

ฮอยอัน เมืองมรดกโลก
ฮอยอันจากอดีตเมืองท่า เปลี่ยนมาเป็นเมืองมรดกโลก แหล่งท่องเที่ยวเลื่องชื่อของเวียดนาม
เมืองฮอยอัน (Hoi An) หรือ “โฮย อาน”(ในภาษาเวียดนาม) ตั้งอยู่ในจังหวัด“กว่างนาม”(Quang Nam) ประเทศเวียดนาม (อยู่ห่างจากเมืองดานังประมาณ 30 กม.)

ในอดีตช่วงศตวรรษที่ 15-16 สมัยอาณาจักรจามปา ฮอยอันมีความเจริญรุ่งเรืองมากในฐานะเมืองท่าสำคัญแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากเป็นเมืองริมทะเล(อยู่ห่างเข้ามาจากชายฝั่งทะเลเพียงไม่กี่กิโลเมตร) ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำ“ทูโบน” ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการเดินเรือเข้า-ออก จากเมืองฮอยอันสู่ท้องทะเล
สถาปัตยกรรมเก่าแก่อันเป็นเอกลักษณ์ที่ชาวเมืองฮอยอันอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี
ต่อมาภายหลังแม้ความสำคัญในฐานะเมืองท่าของฮอยอันจะหมดไป เนื่องจากแม่น้ำทูโบนตื้นเขิน เรือเดินทะเลไม่สามารถเดินทางเข้าถึง(จึงถูกแทนที่ด้วยเมืองท่าแห่งใหม่คือดานังมาจนถึงปัจจุบัน) แต่ด้วยมรดกทางวัฒนธรรมอันเข้มแข็งของชาวฮอยอันที่ยังดำรงคงอยู่นับจากอดีตถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะการอนุรักษ์ รักษาสภาพอาคารบ้านเรือนสถาปัตยกรรมเก่าแก่อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองฮอยอันไว้เป็นอย่างดี องค์การยูเนสโก้ จึงประกาศให้เมืองเก่าฮอยอันเป็น“มรดกโลกทางวัฒนธรรม”ในปี พ.ศ.2542(ค.ศ.1999) ส่งผลให้ฮอยอันกลายเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวสำคัญของเวียดนามนับตั้งแต่นั้นมา

ฮอยอัน ฉันรักเธอ
เมืองเก่าฮอยอัน ได้ชื่อว่าเป็นมรดกโลกมีชีวิต
สำหรับมนต์เสน่ห์ของเมืองมรดกโลกฮอยอันที่ดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลกให้มาเยือนแล้วหลงรัก ประทับใจอยู่มิรู้เบื่อ ก็คือ บริเวณ“เมืองเก่าฮอยอัน” ที่ได้ชื่อว่าเป็น“มรดกโลกมีชีวิต” ซึ่งที่นี่เราจะได้พบกับอาคารบ้านเรือนสีเหลืองมัสตาร์ดอันสวยงามอร่ามตา ที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างตะวันตก(ในสไตล์โคโลเนียล)กับตะวันออก(จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม)เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว

ในเขตเมืองเก่า(และบริเวณนอกเมือง) วันนี้ชาวบ้านเวียดนามเกือบทั้งหมด ต่างหันมาทำธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น เปิดร้านค้า ร้านขายอาหาร ร้านกาแฟ-เครื่องดื่ม อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ แกลเลอรี่ ร้านขายของที่ระลึก ที่มีสินค้าสารพัดสารพัน ให้เลือกซื้อเลือกหา
ภาพน่ารักของคุณยายกับหมาคู่ใจที่เมืองเก่า
ด้านใครที่ชื่นชอบด้านถ่ายรูปทั้งถ่ายรูปสถานที่ท่องเที่ยว สถาปัตยกรรม ภาพวิถีชีวิต ภาพแคนดิต หรือผู้ที่นิยมเซลฟี่ วีฟี่ ถ่ายตัวเองและถ่ายกลุ่มเพื่อนพ้อง ในเขตเมืองเก่าฮอยอันมีมุมฮิปๆเท่ๆ มากมายหลากหลายให้เลือกถ่ายภาพกันมือเป็นระวิง ทั้งมุมสไตล์คลาสสิก สไตล์วินเทจ และสไตล์ร่วมสมัยสุดชิคของร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านเก๋ๆที่มีอยู่ทั่วไป
สะพานญี่ปุ่น จุดถ่ายรูปยอดฮิตของนักท่องเที่ยว
สำหรับจุดท่องเที่ยวไฮไลท์เด่นๆในเขตเมืองเก่ามรดกโลกท่ามกลางบรรยากาศของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่อันสวยงามนั้น ได้แก่ “สะพานญี่ปุ่น” หนึ่งในสัญลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองฮอยอัน, “สมาคมชาวจีนฟุกเกี๋ยน” งานสถาปัตยกรรมจีนอันงดงาม ภายในมีบรรดาเทพเจ้าต่างๆให้สักการบูชา,“อนุสาวรีย์ Kazik” ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่อาจารย์ Kazik (ชื่อเต็ม Kazimierz Kwiatkowsky : ค.ศ. 2487-2540) บุคคลสำคัญที่ผลักดันให้ฮอยอัน(และเมืองเว้)เป็นมรดกโลกอันเลื่องชื่อ
มุมกาแฟ ของบ้านเลขที่ 09 (บ้านโบราณ)
นอกจากนี้ก็ยังมี“บ้านโบราณ” ที่มีให้ชมกันหลายหลัง อาทิ บ้านเลขที่ 77 บนถนนตรันฝู(Tran Phu)ที่เป็นบ้านเก่าของชาวจีน ภายในใช้เครื่องไม้ประดับตกแต่งอย่างงดงาม, บ้านเลขที่ 09 บนถนนเหวียน ไท ฮอค (Nguyen Thai Hoc) ที่เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ด้านหน้ามีเวทีการแสดง(เป็นรอบๆ) มีพื้นที่เปิดโล่งตรงกลางบ้านเปิดเป็นร้านกาแฟ, บ้านเลขที่ 101 บนถนนเหวียน ไท ฮอค บ้านโบราณที่ภายบ้านในยังคงรักษาสภาพดั้งเดิมไว้อย่างดี มีความเก่าแก่คลาสสิกสวยงาม โดดเด่นไปด้วยเครื่องเรือนไม้ประดับมุกเก่าแก่ และสิ่งน่าสนใจอีกหลากหลาย

ฮอยอัน ราตรีแห่งแสงสี
สีสันยามราตรีที่เมืองเก่าฮอยอัน
ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล

เป็นคำที่ใช้ได้ดีกับเมืองฮอยอันยามค่ำคืน เพราะเมื่อความมืดคืบคลานมาเยือน ฮอยอันจะกลายเป็นเมืองแห่งแสงสีจากบรรดาร้านรวงต่างๆที่มีการเปิดประดับไฟตกแต่ง โดยเฉพาะไฮไลท์คือการประดับตกแต่งด้วยโคมไฟหลากสีสันหลายรูปแบบที่แขวนอยู่เต็มไปทั่วทั้งเมือง เพื่อแสดงให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสมนต์เสน่ห์ความงดงามของ “ฮอยอัน เมืองแห่งโคมไฟ” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองๆนี้
ฮอยอันเมืองแห่งโคมไฟ
ส่วนที่บริเวณท้ายเขตเมืองเก่าริมฝั่งแม่น้ำทูโบน ฟากหนึ่งจะมีแผงนั่ง(ยอง)กินอาหารริมน้ำไสไตล์เวียดนามให้เลือกอิ่มอร่อย และมีกระทงกระดาษให้นักท่องเที่ยวได้นำไปอธิษฐานลอยล่องไปในแม่น้ำส่องแสงระยิบระยับ รวมถึงมีกิจกรรมล่องเรือลอยกระทงชมวิวทิวทัศน์แสงสีของเมืองฮอยอันในยามราตรี

ขณะที่บรรยากาศบริเวณริมฝั่งแม่น้ำทูโบนใน 2 ฟากฝั่งนั้นจะเต็มไปด้วยสีสันบรรยากาศของร้านอาหาร ร้านเหล้า บาร์เบียร์ ที่ดูจะถูกอกถูกใจพระเดชพระคุณสายดื่มไม่น้อย
แสงสีริมแม่น้ำทูโบน
ส่วนเมื่อเดินข้ามสะพานไปนอกเขตอนุรักษ์ตามเส้นทางสายหลัก จะเป็นถนนคนเดินที่ดูคึกคักครึกครื้น มีสินค้าข้าวของมากมายให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อเลือกหา(สินค้าคล้ายๆกับตามร้านในเขตเมืองเก่า) ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า ไม้แกะสลัก หน้ากาก ภาพเขียน ของเก่า โปสการ์ด งานศิลปะ งานฝีมือ งานแฮนด์เมด งานตัด-ฉลุกระดาษ อันเป็นงานฝีมือเอกลักษณ์ของที่นี่

นอกจากนี้ก็ยังมีร้านโคมไฟส่องแสงระยิบระยับ ที่แม้นักท่องเที่ยวจะไม่สนใจเลือกซื้อเลือกหา แต่ว่าก็สามารถไปยืนถ่ายรูปที่หน้าร้าน กับบรรดาโคมไฟหลากสีสันเหล่านี้ได้ แต่ก็ขอให้ถ่ายรูปในที่ทางที่เขาจัดไว้ให้ เพราะถ้าล้ำเข้าไปในพื้นที่ขายโคมไฟมากเกินไป อาจจะโดนเจ้าของร้านว้ากได้
ถนนคนเดินที่มีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อหา
ฮอยอัน บนเส้นทางปั่นมากเสน่ห์

ด้วยเสน่ห์มนต์ขลังของเมืองมรดกโลกฮอยอัน วันนี้จึงมีนักท่องเที่ยวมากมายจากหลายชาติทั่วโลก เดินทางมาเยือนเมืองทรงเสน่ห์แห่งนี้ ซึ่งแน่นอนว่าพี่ไทยเราก็นิยมไปเที่ยวฮอยอันกันเป็นจำนวนมาก จนแม่ค้าพ่อค้าหลายคนที่นี่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้(นิดหน่อย)

ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาแรงและเยอะที่สุดในฮอยอัน ณ ปัจจุบันก็คือ เกาหลี(ใต้) สาวๆเกาหลีหลายคนเมื่อมาที่นี่จะนิยมแต่งชุดอ๋าวหญ่าย(ชุดประจำชาติผู้หญิงเวียดนาม)เดินเฉิดโฉมไปมา ดูมีเสน่ห์สีสันไปอีกแบบ
คู่บ่าว-สาว ถ่ายพรีเวดดิ้งหน้าร้านขายโคมไฟ
สำหรับผม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาเยือนฮอยอัน

แต่เป็นครั้งแรกของการมาเยือนเมืองนี้ที่ได้สัมผัสกับบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากทุกๆครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการมาปั่นจักรยานท่องเที่ยวตะลุยประเทศเวียดนามกลาง ในเส้นทาง “ดานัง-ลังโก-ฮอยอัน-ดานัง” (4 วัน 3 คืน) ที่ทางบริษัท “Octo Cycling” ได้เชิญชวนผู้รักการปั่นจักรยาน ทั้งมืออาชีพ มือสมัครเล่น และมือใหม่ ให้ไปปั่นจักรยานท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ เปิดมุมมองใหม่ ใกล้ชิดธรรมชาติ สัมผัสวิถีชีวิตวัฒนธรรม ในบรรยากาศที่แตกต่าง กินอร่อย-นอนสบาย ที่สำคัญคือเน้นในเรื่องความปลอดภัยเป็นยิ่งยวด
ปั่นเที่ยวเมืองเก่าฮอยอัน
และด้วยมนต์เสน่ห์อันโดดเด่นของฮอยอัน ทางบริษัท Octo Cycling ผู้จัดทริปจึงชูเวียดนามเป็นเมืองไฮไลท์ จัดโปรแกรมให้คณะนักปั่นชาวไทยนอนพักค้างที่เมืองฮอยอันถึง 2 คืนด้วยกัน(จากทริป 4 วัน 3 คืน) โดยพวกเราปั่นจากเมืองดานังมาถึงยังฮอยอัน(ระยะทางประมาณ 60 กม.)ในช่วงบ่ายแก่ๆของวันที่สองของทริป

หลังจากได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์สีสันบางส่วนของเมืองฮอยอันทั้งกลางวันและกลางคืนแล้ว ในเช้าวันรุ่งขึ้น(วันที่ 3 )วันนี้คณะเรามีโปรแกรมปั่นเที่ยวเมืองฮอยอันกันแบบเต็มวัน(Hoi An Explorer) ทั้งในเขตเมืองเก่ามรดกโลกและในพื้นที่ชนบทนอกเมืองฮอยอัน รวมระยะทางประมาณเกือบ 30 กม.
เส้นทางชนบทจากฮอยอันสู่ทรา เว้
สำหรับจุดแรกจากที่พักใกล้ๆกับถนนคนเดิน พวกเราปั่นผ่านสะพานข้ามแม่น้ำทูโบนไปสัมผัสกับบรรยากาศมรดกโลกเมืองเก่าฮอยอันยามเช้า(ประมาณ 8.30 น.) ซึ่งช่วงนี้นักท่องเที่ยวยังบางตา สามารถปั่นกินลมชมเมืองเก่า ถ่ายรูปกับมุมเก๋ๆน่าสนใจได้อย่างเพลิดเพลิน ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานมีนักท่องเที่ยวทยอยมาเที่ยวที่เมืองเก่ากันหนาตาขึ้น พวกเราจึงออกปั่นมุ่งหน้าสู่เป้าหมายต่อไป ที่ผมก็เพิ่งรู้ว่าฮอยอันมีอันซีนแบบนี้ด้วย

ฮอยอัน ปั่นสู่ทรา เว้

ทรา เว้ ชุมชนเกษตรที่ปลูกพืชผักปลอกสารพิษส่งขายให้เมืองฮอยอัน
ในช่วงสายของวันที่สาม จากตัวเมืองเก่าฮอยอัน เราปั่นออกนอกเมืองผ่านวิถีชนบทไปทางอันบังบีชมุงหน้าสู่หมู่บ้าน “ทรา เว้” ชุมชนเกษตรกรรมบนเกาะน้ำจืดขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองฮอยอันประมาณ 3 กม.

ทรา เว้(Tra Que) เป็นแหล่งปลูกพืชผักปลอดสารพิษคุณภาพดีแหล่งใหญ่ ซึ่งได้ผลิตพืชผักปลอดสารพิษที่การันตีในคุณภาพให้กับเมืองฮอยอัน และพื้นที่ใกล้เคียง
ทรา เว้ ชุมชนเกษตรที่ปลูกพืชผักปลอกสารพิษส่งขายให้เมืองฮอยอัน
ด้วยลักษณะเด่นของความเป็นชุมชนเกษตรกรรมที่มีเอกลักษณ์ดำรงวิถีเรียบง่าย ปลูกพืชผักปลอดสารพิษแอบอิงอยู่กับธรรมชาติ ปัจจุบันหมู่บ้านทราเว้จึงกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางเลือกเชื่อมโยงกับเมืองมรดกโลกฮอยอัน โดยเฉพาะกลุ่มนักปั่นจักรยานดูเหมือนจะนิยมปั่นมาเที่ยวที่หมู่บ้านแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก
นักท่องเที่ยวนิยมมาปั่นจักรยานสัมผัสวิถีชาวบ้านที่ชทรา เว้
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวหลักของหมู่บ้านแห่งนี้ก็คือ ฟาร์ม “ทรา เว้ วอเตอร์ วีล”(Tra Que Water Wheel) ซึ่งชาวบ้านเวียดนามหัวก้าวหน้าที่มองเห็นในศักยภาพชุมชนของตัวเองได้ทำการเปิดฟาร์มให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้วิถีการเกษตรกร ผ่านการทำกิจกรรม D.I.Y. (Do it yourself) อันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การทดลองทำฟาร์มเพาะปลูกพืชผัก(Tra Que Farming) ด้วยการให้นักท่องเที่ยวจับจอมจับเสียม ลงมือขุดดิน พรวนดิน ปลูกผักกันด้วยตัวเอง

กิจกรรมทดลองทำอาหารจากแผ่นแป้ง(Rice Paper Making) หนึ่งในเอกลักษณ์อันโดดเด่นเลื่องชื่อของอาหารเวียดนาม ซึ่งได้ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้กระบวนการทำแผ่นแป้งตั้งแต่หมักข้าว ตำข้าว และตีออกมาเป็นแผ่นแป้ง ก่อนที่จะนำมาประกอบอาหารอันหลากหลายของเวียดนาม
D.I.Y. ททดลองทำอาหารเวียดนาม
หรือกิจกรรม D.I.Y. ทำอาหารเวียดนาม(Cooking Class) ซึ่งค่อนข้างถูกจริตกับนักท่องเที่ยวชาวไทยและเป็นที่ชื่นชอบของนักปั่นสุภาพสตรีในคณะเราไม่น้อย

งานนี้อาหารที่ออกมาจะอร่อยหรือไม่อร่อยก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของเชฟนักปั่นแต่ละคน อย่างไรก็ดีไม่ว่าอาหารที่ตัวเองทำจะมีรสชาติเช่นไร แต่สิ่งที่ได้จากการทำอาหารนั้นคือความประทับใจ และความทรงจำดีๆที่มีต่อสถานที่แห่งนี้
อาหารเวียดนาม จาก Cooking Class
ฮอยอัน บนเส้นทางปั่นหลากรส

หลังมื้อเที่ยงที่ ฟาร์มทรา เว้ วอเตอร์ วีล กับอาหารเวียดนามแบบจัดเต็ม ซึ่งมีทั้งจากฝีมือของนักปั่นสุภาพสตรีในคณะเรา และอาหารเมนูยอดนิยมจากทางฟาร์ม

ในช่วงบ่ายเราออกปั่นจักรยานชิลล์ๆ กันต่ออีกประมาณ 20 กว่า กม. ในเส้นทางวงรอบ ระหว่างท่างมีวิวๆสวยๆงามๆ ภาพวิถีชีวิต และบรรยากาศอันหลากหลาย ให้ได้สัมผัสกันอย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเป็น
ปั่นผ่านเจ้าถิ่น
การปั่นแบบลุยๆในดงมะพร้าวริมคลองกับสภาพถนนดิน ที่ระหว่างทางมีเจ้าถิ่นคือ“เจ้าวัว-ควาย” กำลังออกและเล็มหญ้าหากินกันอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ ปั่นผ่านแนวป่าชายเลนที่ได้เห็นชาวบ้านล่องเรือลำน้อยออกหาปลา พร้อมตะโกนโบกมือทักทายคณะเราด้วยรอยยิ้มมิตรไมตรีต่อที่ปั่นผ่านพวกเขาไป
ทิวทัศน์บริเวณปากแม่น้ำ
การปั่นบนถนนใหญ่ที่รถราไม่มากขึ้นสะพานทอดข้ามปากอ่าว ปากแม่น้ำทูโบน เพื่อไปชมวิวทิวทัศน์ของปากแม่น้ำอันสวยงามกว้างไกล ผ่านหมู่บ้านชนบทที่มีเด็กๆมาร่วมปั่นแจม ปั่นข้ามสะพานข้ามคลอง ผ่านท้องทุ่งนา คอกวัวสไตล์เวียดนาม ปั่นผ่านถนนดินเลียบแม่น้ำกว้าง วิวสวยงาม มีสะพานไม้กำลังก่อสร้าง ผ่านป้อมปราการโบราณ มีวัวควายเดินเล็มหญ้า เด็กๆเวียดนามมาขอถ่ายรูปกันเป็นที่เพลิดเพลิน
ปั่นลงสะพานข้ามปากแม่น้ำ
ช่วงท้ายคณะเราปั่นไปยังท่าเรือชาวบ้านสัมผัสบรรยากาศตลาดปลาเล็กๆริมแม่น้ำ ก่อนจะปั่นข้ามสะพานเหล็ก กลับคืนสู่ที่พักๆใกล้ตัวเมืองเก่าฮอยอันอีกครั้ง

สำหรับการปั่นจักรยานเที่ยวฮอยอันในทริปนี้ มันทำให้เราได้สัมผัสกับบรรยากาศและมุมใหม่ๆที่ถือเป็นดังอันซีนฮอยอัน ซึ่งผมถือเป็นดัง“การพบรักใหม่ในฮอยอัน” ที่เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์มนต์ขลังของเมืองๆนี้

ฮอยอัน วันล่ำลา
ภาพวิถีชาวนาระหว่างทาง
ช่วงเย็นหลังปั่นกลับมาถึงยังเมืองฮอยอันอีกครั้ง สำหรับค่ำคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของทริป และคืนสุดท้ายในฮอยอัน ก่อนที่เราจะต้องจากรากันไป ดังนั้นคืนนี้ที่ฮอยอันผมจึงขอพูดสั้นๆว่า

“ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล”

จากนั้นในเช้าวันสุดท้าย วันกลับ(วันที่ 4 ) วันนี้พวกเราเก็บแพคจักรยานขึ้นรถบริการ ก่อนออกเดินทางจากฮอยอันมุ่งหน้าสู่สนามบินดานังเพื่อเดินทางกลับเมืองไทย โดยระหว่างทางเราไปแวะสักการะ “เจ้าแม่กวนอิม” วัดลินอึ้ง เมืองดานังกัน
เจ้าแม่กวนอิม วัดลินอึ้ง
เจ้าแม่กวนอิม วัดลินอึ้ง เป็นเจ้าแม่กวนอิมองค์สูงใหญ่ที่สุดในเมืองดานัง(สูง 67 เมตร) อีกทั้งยังเป็นหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญของประเทศเวียดนาม ซึ่งมีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาสักการะขอพร รวมถึงชาวไทยเราที่นิยมเดินทางมาขอพรองค์เจ้าแม่กวนอิมองค์นี้กับเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ทางผู้จัดจึงนำคณะนักปั่นจากชาวไทยมาสักการะขอพร เจ้าแม่กวนอิม วัดลินอึ้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเดินกลับเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ ปิดทริปปั่นจักรยานเที่ยวเวียดนามกลางอย่างสวยงามน่าประทับใจ

ซึ่งนี่นับเป็นอีกหนึ่งครั้งของการเดินทางท่องเที่ยว ที่ผมพาใจดวงเก่ากลับมาเยือนยังสถานที่เก่าๆ แต่ความรู้สึกที่ได้กลับผิดแผกแตกต่างออกไป
สัมผัสเสน่ห์เวียดนามกลางที่แตกต่าง ผ่านการปั่นจักรยาน
เพราะเป็นการกลับมาเยือนด้วยรูปแบบใหม่ สัมผัสแปลกใหม่ ผ่านการปั่นจักรยานท่องเที่ยว มันจึงเป็นเหมือนการ“เปิดโลกใหม่”ของสถานที่เก่า ให้เราได้ตื่นตาตื่นใจ ให้เราได้สัมผัสกับบรรยากาศใหม่ๆกันอย่างถึงในอรรถรส

และนี่ไยมิใช่เสน่ห์ของการเดินทางท่องเที่ยวที่ใครและใครหลายๆ คนถวิลหา และพร้อมที่จะออกเดินทางไปสัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่อยู่เสมอ
ผู้พิชิตเส้นทาง ดานัง-ลังโก-ฮอยอัน
**************************************************
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
******************************************

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


กำลังโหลดความคิดเห็น