เปิดบทวิเคราะห์เจ้าของรายการ “โรงเรียนของหนู” ในคดีดัง “ทีมบิ๊กอิตาเลียนไทย” เข้าป่าสงวนล่าสัตว์อนุรักษ์ ชี้มืออาชีพตั้งใจไปล่าสัตว์ สังเกตจากอุปกรณ์ที่เตรียมไปและวิถีกระสุน
เฟซบุ๊ก “นายโอม คนย่ำป่า” หรือนายอัครวุฒิ จันทร์ขจร หรือโอม ผู้อำนวยการสร้างรายการโทรทัศน์ “โรงเรียนของหนู” ซึ่งออกอากาศมาตั้งแต่ปี 2534 ได้ออกมาวิจารณ์กรณีที่นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารอิตาเลียนไทย ไม่ใช่มือสมัครเล่นอย่างแน่นอนในการเข้าป่าไปตั้งแคมป์ และเรื่องการยิงส่วนหลังของเสือดำ เป็นการยิงเพื่อให้กระสุนไม่ทำลายหนังเสือและกะโหลกเสือ และยังวิเคราะห์ไปถึงเรื่องพยานแวดล้อมที่ทีมบิ๊กอิตาเลียนไทยดิ้นไม่หลุดแน่ อย่างการพกเบ็ดปักชายทุ่งเข้าไปเยอะเกินความจำเป็น
ข้อความดังกล่าวโพสต์เมื่อวันที่ 6 ก.พ. มีเนื้อหาว่า “และมืออาชีพเรื่องล่าสัตว์ทุ่งใหญ่ ผมมองดูแล้วว่าไม่ใช่มือสมัครเล่น หากแต่กลับคือมืออาชีพ ดูจากไหนรึ ผมดูจาก 3 อย่าง อาวุธ การตั้งแคมป์ เครื่องพริกแกง
1) อาวุธมีทั้งอาวุธหนัก ล้มช้าง เสือ กระทิง และอาวุธยิงไก่ป่า กระรอกป่า และยังมีเบ็ดปักชายน้ำอีกเป็นกำ
2) ส่วนแคมป์นั้นทั่วไปก็คือเต็นท์ แต่ที่ไม่ทั่วไปคือการขัดเพิงมืออาชีพเลย ดูจากการเลือกสถานที่ เลือกไผ่มาทำโครงผ้าใบเพิงพัก สุดท้ายการเข้าเพิง หรือการขัดเพิง การปักเสา กันเหลาหัวเสา การติดเพิงผ้าใบ มันมืออาชีพแท้ๆ
3) เครื่องพริกแกง หรือเครื่องปรุงที่เตรียมมา โดยเฉพาะเกลือแน่นอนต้องเตรียมมาบ่มหนัง คือน่าจะคิดกันมาว่าถ้าได้สัตว์ใหญ่ต้องเอาหนังไปด้วย นั่นหมายถึงรูปแบบการถลกหนัง มืออาชีพแน่ เพราะถลกเป็นตัวแบบหนังไม่เสีย การเลาะกะโหลกเสือมันบ่งบอก มืออาชีพจริงๆ ส่วนพริกแกง แน่นอน ต้องมาล่าสัตว์แน่ และไม่เตรียมเนื้อมามาเอาดาบหน้าแทนเพราะคนนำทางแน่นอน ต้องรู้และคาดเดาได้ว่างานนี้ไม่เก้งก็กวาง แต่มีโชคพบเสือดำ
แค่นี้ตำรวจก็สรุปได้แล้วว่าตั้งในล่าสัตว์ ไม่ได้เข้ามาศึกษาหรือพักผ่อน งานนี้ถ้าประชาชนทั้งประเทศ ไม่ช่วยกัน ผมรับรองได้ เสือดำ เก้ง ไก่ป่าตายฟรี ช่วยกันครับ อย่าให้คนรวย อยู่เหนือกฏหมายและชีวิตสัตว์ที่ไม่มีทางเรียกร้องใดๆ”
และได้โพสต์ใน เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ถึงเหตุผลว่าทำไมเสือดำโดนยิงหลัง ในอดีตการล่าเสือนั้น นายพรานและนักล่าจะไม่ยิงหัวเสือ แต่จะเลือกยิงซอกอกซ้าย หรือหลังสวนอก ยิงซอกซ้ายเพราะเข้าหัวใจ หยุดได้ในนัดเดียวและหนังไม่เสีย กะโหลกไม่เสีย ยิงสวนหลังออกซอกอกจะทำให้เสือหยุดการเคลื่อนไหว กระสุนไม่ทำลายหนัง และทะลุอก..จะตรง” รอยกรีดแล่หนังพอดี
ดังนั้น มืออาชีพจะยิงเช่นนี้ซึ่งตรงกับเสือดำตัวสุดท้ายแห่งทุ่งใหญ่ฯ สิ่งที่ได้จากเสือดำ นอกจากซุปหางแล้ว เนื้อยังทำอาหารอย่างอื่นได้ ส่วนหนังเมื่อแล่ออกมาอย่างชำนาญจะได้ผืนหนังสวยงามเมื่อปูออกมาจะได้ส่วนสวยงาม
กะโหลกเสือ หมายถึงอำนาจ ถ้าถูกนำมาหุ้มด้วยแร่สูงค่า ทอง เงิน นาค ทองคำขาว และฝังอัญมณีตามราศีเกิด เมื่อผ่านกรรมวิธีปลุกเสกตามความเชื่อจะเสริมอำนาจและบารมีผู้ครองครอง มันคือความเชื่อและยิ่งเป็นเสือที่ผู้ครอบครองฆ่า มันจะเพิ่มบารมีและถ้าเป็นผู้มีวิชาอาคม หรือได้รับถ่ายทอดอาคม ควบคุมพลังเสือ มันจะยิ่งทำให้ผู้ครองครองสามารถเล่นไสยศาสตร์ได้ด้วยพลังเสือ แต่สำหรับที่เป็นข่าวนั้น คงไม่ถึงขั้นเกจิ คงแค่เอาเนื้อมากิน เอาหนังมารองนั่ง เอากะโหลกมาแต่งแล้วประดับโต๊ะ ส่วนกระดูกจะแขวนคอหรือไม่ ต้องดูกฎหมายไทย
และวันนี้ (8 ก.พ.) โดยวิเคราะห์ในเรื่องของหลักฐานมีเนื้อหาว่า “หลักฐานแวดล้อมที่จะทำให้ศาลเชื่อได้ว่าทีมบิ๊กอิตาเลียนไทยตั้งใจ เข้าไปล่าสัตว์ในทุ่งใหญ่ แน่นอน ชนิดที่ดิ้นไม่หลุด โดยปืนอาจแก้ได้ว่าป้องกันตัว แต่เบ็ดปักชายทุ่ง ที่หลายๆ คน หลายๆ สื่อมองข้าม ถ้าไม่ตั้งใจเข้าไปล่าสัตว์ทำไมต้องเอาเบ็ดไปด้วยเป็นกำ ปลาอาจเป็นสัตว์ที่ไม่สงวนนัก แต่ ในเขตป่าสงวน สัตว์ทุกตัวย่อมได้รับการคุ้มครอง ดังนั้น ถ้าไม่มีความคิดที่จะล่าตั้งแต่เริ่มที่จะเข้ามา ถ้าจะเอามาเพื่อไว้กันเหนียวคือเผื่ออดจริงๆ เบ็ดอันเดียวก็พอสำหรับนักเดินป่า เบ็ดปักชายน้ำ จึงเป็นหลักฐานชั้นดีที่จะมัดผู้กระทำผิดได้อยู่หมัดว่าตั้งใจมาล่า”