xs
xsm
sm
md
lg

“มข.” หารือโคราชเตรียมพร้อมจัดพิธีพระราชทานเพลิงครูใหญ่ “หลวงพ่อคูณ” ตามพินัยกรรมปีนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

หลวงพ่อคูณ  ปาริสุทโธ อดีตเกจิดัง เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขนุทด จ.นครราชสีมา
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - มข.หารือโคราชเตรียมพร้อมจัดพิธีบำเพ็ญกุศลและพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร “หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ” อดีตเกจิดังเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ในปีนี้ตามพินัยกรรมหลังเป็นครูใหญ่ครบกำหนด

วันนี้ (30 ม.ค.) ที่หอประชุมเปรม ติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการประชุมกรมการจังหวัดนครราชสีมาและหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดนครราชสีมา โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อปท. หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

วาระการประชุมที่สำคัญ คือ เรื่องการจัดพิธีถวายเพลิงสรีระสังขาร พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา มีคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดย รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น, รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมชี้แจงขั้นตอนต่างๆ พร้อมมีคณะลูกศิษย์ เช่น นายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ อดีตเลขานุการหลวงพ่อคูณ และกรรมการวัดบ้านไร่ และคณะศิษยานุศิษย์ร่วมฟัง

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณที่ได้มอบสรีระให้แก่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ นำไปศึกษาค้นคว้าตามวัตถุประสงค์ของภาควิชาดังกล่าว ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ให้แก่นักศึกษา โดยพินัยกรรมระบุว่า เมื่อสิ้นสุดแล้วให้จัดพิธีเรียบง่าย ละเว้นพิธีสมโภชใดๆ ห้ามมิให้ขอพระราชทานเพลิงศพ โกศ และหรือพระราชพิธีอื่นๆ เป็นกรณีพิเศษและเป็นการเฉพาะ บัดนี้ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมกับจังหวัดขอนแก่นและได้เชิญตัวแทนของจังหวัดนครราชสีมาที่ระบุไว้ในพินัยกรรม เช่น นายอำเภอด่านขุนทด, ศึกษาธิการอำเภอด่านขุนทด ร่วมปรึกษาหารือการดำเนินการจัดการศพให้เป็นไปตามพินัยกรรม โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นกันแล้ว จึงมาหารือกับหัวหน้าส่วนราชการของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งปีนี้ 2561 จะเป็นปีสุดท้ายสำหรับการเป็นอาจารย์ใหญ่ของหลวงพ่อคูณ

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้เสร็จสิ้นพิธีบำเพ็ญกุศลหลวงพ่อคูณ ละสังขารเป็นเวลา 7 วันที่หอประชุมกาญจนาภิเษก จังหวัดขอนแก่นแล้ว ได้อัญเชิญร่างของหลวงพ่อคูณไปที่คณะแพทยศาสตร์ ได้ผ่านกระบวนการดองร่างครูใหญ่ และหลังครบ 1 ปีได้นำร่างขึ้นมาเป็นครูใหญ่ ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 2 ของการเป็นครูใหญ่ของหลวงพ่อคูณ ฉะนั้นเพื่อความเหมาะสมทางภาควิชาฯ และคณะแพทยศาสตร์ไม่ได้ให้ร่างท่านแก่นักศึกษาแพทย์เป็นการเฉพาะ ซึ่งปกตินักศึกษาแพทย์จะใช้ร่างครูใหญ่ 1 ร่างกับนักศึกษาแพทย์ 6 คน แต่ของหลวงพ่อคูณทางคณะได้มอบหมายให้อาจารย์ที่มีขีดความสามารถดีที่สุดในการผ่าร่างครูใหญ่ คือ รศ.ดร.กิตติศักดิ์ ศรีพานิชกุลชัย และคณะทีมงาน โดยการผ่าร่างในการสาธิตให้นักศึกษาแพทย์และนักศึกษาทุกคณะในศูนย์วิทยาศาสตร์ได้มาดูแล้วนำไปผ่าร่างครูใหญ่ของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง

ฉะนั้นหลวงพ่อคูณจึงไม่ได้เป็นครูใหญ่เฉพาะแค่นักศึกษาแพทย์แค่ 6 คนเท่านั้น แต่เป็นครูใหญ่ของนักศึกษาแพทย์ทั้งชั้นปี ประมาณ 280 คน รวมทั้งอีก 600 คนของนักศึกษาในศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพด้วย จึงรายงานในเบื้องต้นเพื่อให้ทุกท่านได้อนุโมทนากับกุศลจิตของหลวงพ่อคูณที่ท่านได้เสียสละร่าง

ทั้งนี้ ในส่วนกระบวนการศึกษาจะเสร็จสิ้นในปี 2561 คือปีนี้ ประมาณเดือนมิถุนายน 2561 เป็นการศึกษาประมาณ 1 ปีครึ่งของวิชากายวิภาคศาสตร์ ซึ่งมีความต่อเนื่อง ฉะนั้นตอนนี้เราจะมีการเตรียมการเพื่อดำเนินการสำหรับการบำเพ็ญกุศลก่อนที่จะมีการขอพระราชทานเพลิง ตนใช้คำว่า พระราชทานเพลิงเนื่องจากว่าในพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณได้ระบุว่า ขอให้จัดการร่างของท่านพร้อมครูใหญ่ท่านอื่น เนื่องจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ขอพระราชทานเพลิงครูใหญ่เป็นกรณีพิเศษเป็นเวลาประมาณ 20 ปีแล้ว

ฉะนั้น การบำเพ็ญกุศลของหลวงพ่อคูณก่อนที่จะเผาจริงจะเป็นการพระราชทานเพลิงศพร่วมกับครูใหญ่ท่านอื่น ซึ่งทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นโดยอธิการบดีเราจะจัดพิธีบำเพ็ญกุศลพร้อมกับครูใหญ่ท่านอื่นๆ ประมาณ 400-500 ร่าง ที่ศูนย์ประชุมกาญจนาภิเษก หลังจากนั้นถึงจะนำร่างครูใหญ่ไปประกอบพิธีประชุมเพลิงหรือฌาปนกิจตามวัดต่างๆ กว่า 20 วัดในจังหวัดขอนแก่น

รศ.นพ.ชาญชัยกล่าวต่อว่า สำหรับร่างของหลวงพ่อคูณ ตามพินัยกรรมได้ระบุว่าให้นำไปฌาปนกิจ ณ ฌาปนสถานของวัดหนองแวง พระอารามหลวง หรือวัดอื่นใดที่ทางคณะแพทยศาสตร์เห็นสมควร ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ได้ไปเรียนปรึกษาวัดหนองแวง พระอารามหลวง ถึงสถานที่ที่เหมาะสม ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่า ฌาปนสถานฯ วัดหนองแวงพระอารามหลวง ที่อยู่ในเมืองขอนแก่นน่าจะไม่สามารถรองรับประชาชนศิษยานุศิษย์จำนวนหลายแสนคนได้ จึงมีดำริว่าเราจะไปทำเมรุชั่วคราวของวัดหนองแวง พระอารามหลวงที่บริเวณพุทธมณฑลอีสาน จึงเป็นที่มาที่จะต้องเตรียมสถานที่ จะต้องตัดถนนเข้าไป จะต้องมีการถมที่ดิน

รวมทั้งต่อไปเมื่อเสร็จสิ้นการฌาปนกิจหลวงพ่อและนำอัฐิอังคารไปลอยลงในแม่น้ำโขงแล้ว สถานที่ตรงนั้นทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นมีดำริว่าจะสร้างเป็นอนุสรณ์สถาน โดยเราจะไม่เรียกว่าเจดีย์ เพราะตรงนั้นจะมีอัฐิธาตุ เนื่องจากพินัยกรรมหลวงพ่อคูณต้องการให้นำทุกอย่างไปลอยอังคารที่แม่น้ำโขง ฉะนั้นเราถึงต้องใช้คำว่าอนุสรณ์สถานแทน


กำลังโหลดความคิดเห็น