ศูนย์ข่าวขอนแก่น - น้องสาวและเครือญาติหลวงพ่อคูณรวมถึงลูกศิษย์ ขอเข้าพบอธิการบดี มข.ขอนำสรีระสังขารหลวงพ่อคูณกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดบ้านไร่ นครราชสีมา อ้างคณะแพทยศาสตร์ มข.ไม่ทำตามพินัยกรรมคือต้องฌาปนกิจที่วัดหนองแวง แต่กลับเตรียมทำพิธีสถานที่อื่นที่ไม่ใช่วัด คือบริเวณพุทธมณฑล เป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (21 ก.พ.) นางคำมั่น วงษ์กาญจนรัตน์ อายุ 91 ปี น้องสาวพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ที่ 1 ต.บัวชุม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี พร้อมด้วย นายบุญเทิด วงษ์กาญจนรัตน์ อายุ 59 ปี นายสุดท้าย วงษ์กาญจนรัตน์ อายุ 56 ปี บุตรชายของหลานชายหลวงพ่อคูณ และนายเรียน บ่วงขุนทด อายุ 65 ปี กรรมการวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา นายสนอง หวังหยิบกลาง อายุ 45 ปี เหรัญญิก และกรรมการฝ่ายบริหารวัดบ้านไร่ ได้ขอเข้าพบเพื่อยื่นหนังสือต่อ รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตน์ศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) แต่ รศ.ดร.กิตติชัยไปราชการที่ต่างประเทศ
นายธัญญา ภักดี ผู้อำนวยการกองกลาง มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) จึงเป็นตัวแทนให้การต้อนรับคณะของน้องสาวหลวงพ่อคูณแทน เพื่อรับเรื่องและจะได้รายงานต่อกับอธิการบดี ม.ขอนแก่น
สำหรับหนังสือที่มาขอยื่นต่ออธิการบดี ม.ขอนแก่นมีข้อความสรุปว่า ขอนำสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ กลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านไร่ ตามที่คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น ได้นำสรีระสังขารของหลวงพ่อคู มาดำเนินการตามพินัยกรรมตามที่ปรากฏแล้วนั้น พวกเราในนามของคณะญาติผู้ใกล้ชิดทางสายเลือด ประกอบด้วย คุณแม่คำมั่น วงษ์กาญจนรัตน์ ในฐานะน้องสาว รวมทั้งเครือญาติทั้งใกล้และไกลทุกคนต่างก็มีความปลื้มปีติกับการสละร่างกายในครั้งนี้ด้วย
แต่ต่อมาภายหลังได้ข่าวจากบุคคลที่เชื่อถือได้ว่า ได้มีการประชุมร่วมกันของคณะบุคคลหลายฝ่ายในจังหวัดขอนแก่น ถึงการเตรียมที่จะจัดการฌาปนกิจศพของหลวงพ่อคูณ ซึ่งมีความผิดเพี้ยนไปจากเงื่อนไขของหลวงพ่อคูณที่ระบุไว้ในพินัยกรรม คือไม่ได้เตรียมการที่จะจัดการฌาปนกิจที่วัดหนองแวง หรือวัดอื่นๆ แต่กลับไปเตรียมใช้สถานที่อื่นซึ่งไม่ใช่วัด คือ บริเวณพุทธมณฑล เป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ
อนึ่ง ในการประชุมแต่ละครั้งบุคคลที่ถูกระบุไว้ให้เป็นผู้ร่วมจัดการศพตามพินัยกรรม เช่น นายอำเภอด่านขุนทด และศึกษาธิการ อ.ด่านขุนทด ก็ไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุม เพื่อแสดงความคิดเห็นแต่อย่างใด แม้แต่ข่าวสารใดๆ โดยตรงจากคณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่นก็ไม่ได้รับรู้เช่นกัน จึงเสมือนว่าคณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่นบริหารจัดการเบ็ดเสร็จแต่เพียงฝ่ายเดียว ประหนึ่งว่าหลวงพ่อคูณเป็นศพไร้ญาติ
กระนั้น ทางเรารู้สึกเศร้าสลดรันทดใจที่ไม่มีสิทธิใดๆ ในการจัดการเลยแม้แต่น้อย จึงทำให้เราคิดว่าหลวงพ่อคูณเป็นนายคูณเป็นคนธรรมดาแล้วจะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้หรือไม่ ในขณะเดียวกันทางเราก็ยังเป็นญาติที่จะต้องดำเนินการตามประเพณีนิยมอยู่เช่นเดิม
ดังนั้น ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่ซ่อนเร้นแอบแฝงเพื่อการอย่างอื่น หลังจากที่ทางคณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่นได้ให้นักศึกษาแพทย์ใช้สรีระสังขารของหลวงพ่อคูณเพื่อการศึกษาเสร็จสิ้นแล้ว ทางเราจึงใคร่ขอนำสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีนิยมที่วัดบ้านไร่อันเป็นแผ่นดินถิ่นเกิดของหลวงพ่อคูณในลำดับต่อไป
ทางด้านนายธัญญากล่าวว่า คณะคุณแม่คำมั่น น้องสาวหลวงพ่อคูณ และหลานหลวงพ่อคูณ คณะกรรมการวัดบ้านไร่ได้ขอเข้าพบอธิการบดี ม.ขอนแก่น เพื่อขอยื่นความประสงค์นำสรีระสังขารหลวงพ่อคูณกลับไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดบ้านไร่ หลังเสร็จสิ้นภารกิจที่หลวงพ่อคูณได้เป็นอาจารย์ใหญ่ให้คณะนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรม ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะได้นำเสนออธิการบดี ม.ขอนแก่น เพื่อดำเนินการตามข้อปรึกษาของคณะของน้องสาว หลาน และลูกศิษย์ หลวงพ่อคูณ ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเตรียมสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เป็นครูใหญ่นั้น ทางคณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น ได้มอบหมายให้อาจารย์ประจำภาควิชากายวิภาคศาสตร์ 3 ท่าน คือ รศ.ดร.กิตติศักดิ์ ศรีพาณิชกุลชัย, รศ.พิพัฒน์พงษ์ แคนลา และ ผศ.ยรรยง ทุมแสน เป็นผู้เตรียมการให้หลวงพ่อคูณ “เป็นครูใหญ่สาธิต” สำหรับนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2 และนักศึกษาในศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพทุกคน ทุกชั้นเรียน เพื่อให้นักศึกษาทุกคนได้ศึกษา และสัมผัสสรีระของหลวงพ่อคูณ และนักศึกษาทุกคนจะได้มีหลวงพ่อคูณเป็นครูใหญ่ตามเจตนารมณ์ของท่านด้วย
ส่วนการถวายเพลิงหลวงพ่อคูณ ทางคณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น ได้พิจารณาสถานที่ในการถวายเพลิงหลวงพ่อคูณในปี พ.ศ. 2561 โดยได้เลือกพื้นที่ดิน 350 ไร่ บริเวณใกล้กับพุทธมณฑลจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นที่ดินสาธารณะที่อยู่ในการดูแลใช้ประโยชน์ของเทศบาลเมืองศิลา และสภาเทศบาลเมืองศิลาได้มีมติเห็นชอบให้คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นใช้ประโยชน์สำหรับการสร้างโรงพยาบาลศรีนครินทร์ แห่งที่ 2 เพื่อการเรียน การสอน ในปี พ.ศ. 2556 ซึ่งมหาวิทยาลัยขอนแก่น จะได้รีบดำเนินการขอใช้พื้นที่นี้ให้ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการต่อไป
หลวงพ่อคูณ ปริสุทธโธ มรณภาพเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2558 สิริอายุ 92 ปี พรรษา 70 สำหรับพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณ ซึ่งจัดทำเอาไว้เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2543 มีเนื้อหาใจความโดยสรุประบุว่า ขอบริจาคศพให้คณะแพทย์มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก่อนนำมาฌาปนกิจแบบเรียบง่าย ห้ามขอพระราชทานเพลิงศพ อัฐิ อังคารลอยแม่น้ำโขง
ขอทำพินัยกรรมกำหนดการเผื่อถึงการมรณภาพ เกี่ยวกับเรื่องการจัดงานศพของอาตมา ภายหลังที่อาตมาถึงมรณภาพลง
1. ศพของอาตมา ให้มอบแก่มหาวิทยาลัยขอนแก่นภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากละสังขาร เพื่อให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นมอบให้กับภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำไปศึกษาค้นคว้าตามวัตถุประสงค์ของภาคต่อไป
2. พิธีกรรมศาสนา การสวดอภิธรรมศพ ให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทำพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ที่คณะแพทยศาสตร์ 7 วัน
3. การจัดทำพิธีบำเพ็ญกุศล เมื่อสิ้นสุดการศึกษาค้นคว้าของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นแล้ว ให้จัดงานแบบเรียบง่าย ละเว้นการพิธีสมโภชใดๆ และห้ามขอพระราชทานเพลิงศพ โกฏิและพระราชพิธีอื่นๆ เป็นกรณีพิเศษเป็นการเฉพาะ โดยให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กระทำพิธีเช่นเดียวกับการจัดพิธีศพของอาจารย์ใหญ่นักศึกษาแพทย์ประจำปีร่วมกับอาจารย์ใหญ่ท่านอื่น แล้วเผา ณ ฌาปนสถานวัดหนองแวง พระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น หรือวัดอื่น
4. เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว อัฐิ เถ้าถ่าน และเศษอังคารทั้งหมด ให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำไปลอยที่แม่น้ำโขง จ.หนองคาย ตามที่เห็นสมควรและเหมาะสม