พิจิตร - ตำรวจระดมกำลังปิดล้อมจับกุมตัวหนุ่มฝรั่งเศสได้แล้ว ผู้ต้องหาร่วมฆ่าหั่นศพและเผานั่งยางเฒ่าชาวอิตาลี สามีสาวบึงนาราง พบใช้สีสเปรย์พ่นเปลี่ยนสีรถเป็นสีดำอำพราง ปักหลักกางเต็นท์นอนเชิงเขาโกสัมภี พอเห็นตำรวจโดดหนีกันคนละทิศ
วันนี้ (28 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการติดตามจับกุม น.ส.รุธจิรา เอี่ยมละม้าย และนายอาโมรี ริโก สามีหนุ่มฝรั่งเศส ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าหั่นศพแล้วเผานั่งยางนายจูเซปเป เดอ สเตฟานี ชาวอิตาลี อายุ 62 ปี สามีอีกคนของ น.ส.รุธจิรา ใกล้อ่างเก็บน้ำ ต.ตำบลแหลมรัง อ.บึงนาราง จ.พิจิตร เมื่อ 19 ม.ค.ที่ผ่านมาซึ่งเป็นคดีอุจฉกรรจ์สะเทือนขวัญชาวบ้านในพื้นที่
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ธวัชชัย มวญนรา ผบก.ภ.พิจิตร บูรณาการกำลัง ชุดสืบตำรวจภูธร จ.พิจิตร, สภ.บึงนาราง, ตำรวจสืบสวนภูธรภาค 6, ชุดสืบสวน สภ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร และชุดสืบสวน สภ.วังเจ้า จ.ตาก เข้าตรวจค้นในจุดต่างๆ ที่คาดว่าสองคนร้ายจะหลบซ่อนอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดมีชาวบ้านแจ้งเบาะแสว่าเห็นคนร้ายทั้งสองอยู่ในป่าเชิงเขาริมธารน้ำในเขต สภ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร จึงนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้น กระทั่งพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส หมายเลขทะเบียน กค 1374 สมุทรสงคราม ที่เดิมเป็นสีบรอนซ์เทา แต่ใช้สีสเปรย์พ่นรถทั้งคันเป็นสีดำเพื่ออำพราง โดยตำรวจพบรถจอดอยู่บริเวณทางเข้าป่าละเมาะริมธารน้ำ เมื่อกระชับพื้นที่ก็พบมีการตั้งเต็นท์นอนและหุงหาอาหารใช้ชีวิตแบบพรานป่า ตำรวจจึงบุกเข้าจู่โจมหวังจะจับกุมให้ได้ทั้งคู่ แต่คนร้ายทั้งคู่ต่างวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทางท่ามกลางความมืด
จนในที่สุดตำรวจก็สามารถจับกุมนายอาโมรี ริโก สามีอีกคนของ น.ส.รุธจิรา ได้ในสภาพอ่อนล้าหมดแรง ส่วน น.ส.รุธจิรา เอี่ยมละม้าย ยังคงหนีอยู่ในป่าพื้นที่แถบนั้น ขณะนี้ตำรวจได้ปิดล้อมไว้ทุกด้านแล้ว คาดว่าคนร้ายที่ไม่มีทั้งพาหนะ ไม่มีเสบียง และเป็นผู้หญิงคนเดียวจะหลบหนีอยู่ในป่าได้ไม่นาน จึงมั่นใจว่าจะต้องจับกุมให้ได้ในช่วงฟ้าสางของวันพรุ่งนี้ (29 ม.ค.)
