พิจิตร - ศาลจังหวัดพิจิตรอนุมัติหมายจับล่า “สาวบึงนาราง-ผัวหนุ่มฝรั่งเศส” ร่วมฆ่าหั่นศพ-เผานั่งยางผัวเฒ่าอิตาลี พบเบาะแสเพิ่มมุ่งหน้าไปตาก คาดยังอยู่ในไทย แต่อาจหนีออกลาวแทนเพราะหนุ่มฝรั่งเศสเคยเข้าออกชายแดนหนองคายบ่อยครั้ง
วันนี้ (24 ม.ค.) พล.ต.ต.ธวัชชัย มวญนรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามสืบสวนสอบสวนคดีฆ่าหั่นศพเผานั่งยางข้างอ่างเก็บน้ำบ้านบึงทับจั่น ต.แหลมรัง อ.บึงนาราง จ.พิจิตร เมื่อ 19 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า
เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดพิจิตรได้อนุมัติหมายจับนางสาวรุธจิรา เอี่ยมละม้าย อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 314/2 หมู่ 12 ต.แหลมรัง อ.บึงนาราง จ.พิจิตร และนายอาโมรี ริโก (MR. RIGAU Amaury) ชาวฝรั่งเศส ถือหนังสือเดินทางประเทศฝรั่งเศสเลขที่ 17DC40970 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และปิดบังซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย
หลังตำรวจใช้เวลาสืบหาเบาะแสผู้ตาย จนกระทั่งทราบแน่ชัดว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ร่วมกันฆ่าหั่นศพ-เผานั่งยาง นายจูเซปเป้ เดอ สเตฟานี ชาวอิตาลี สามีของนางรุธจิรา จนเป็นข่าวอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และเป็นที่สนใจของทั้งชาวไทย-ต่างชาติ เนื่องจากผู้ตาย และผู้ลงมือฆ่าเป็นชาวต่างชาติ
หลังจากได้หมายจับแล้ว ตำรวจทั่วประเทศที่พบเจอผู้ต้องหาตามหมายจับก็สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น โดยขณะนี้ชุดสืบสวนเกาะติดจนได้เบาะแสแล้วว่าหลังวันเกิดเหตุผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้นำบัตร ATM ของผู้ตายไปกดเงินที่ตู้ ATM ในเขต ต.บางลาย อ.บึงนาราง จ.พิจิตร จากนั้นหลบหนีไปเขตจังหวัดกำแพงเพชร และเดินทางต่อไปยังจังหวัดตาก โดยนำโทรศัพท์เครื่องที่ใช้อยู่ไปขายในห้างสรรพสินค้าในราคา 2,000 บาทเท่านั้น ซึ่งตำรวจได้ภาพจากกล้องวงจรปิดจากห้างสรรพสินค้าชัดเจน แต่ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นหลักฐานของคดี
ขณะนี้ตำรวจภูธรภาค 6, ตำรวจ สภ.บึงนาราง, ตำรวจท่องเที่ยว, ตำรวจกองปราบฯ และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้บูรณาการร่วมกันไล่ล่า 2 ฆาตกรโหดคู่นี้แล้ว ซึ่งมั่นใจว่าทั้งคู่ยังคงอยู่ในเขตประเทศไทยอยู่ จึงขอให้ผู้ที่พบเห็นแจ้งเบาะแสได้ที่ตำรวจทั่วประเทศ เพราะทุกพื้นที่มีหมายจับถูกต้องครบถ้วนแล้ว จึงคาดว่าในเร็ววันนี้น่าจะได้ตัวทั้งคู่มาดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการคาดหมายว่าบุคคลทั้ง 2 อาจจะพยายามหาทางหนีออกนอกประเทศไปทางชายแดน สปป.ลาว เนื่องจากนายอาโมรี ริโก (MR. RIGAU Amaury) ชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสามีอีกคนของนางสาวรุธจิรา เอี่ยมละม้าย ที่เป็นผู้ต้องหาร่วมในคดีนี้ มีประวัติว่าเดินทางเข้า-ออกระหว่างจังหวัดหนองคาย กับ สปป.ลาวหลายครั้ง ดังนั้นจึงชำนาญเส้นทางในแถบนั้นมากกว่า
