อุบลราชธานี - อาจารย์และนักศึกษาคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.ราชภัฏอุบลราชธานี โต้สภาพัฒน์ เรียนภาษาจีนมีงานทำเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ย้ำให้ทบทวนจะตัดเงินอุดหนุน เหตุทำให้เด็กและประเทศเสียโอกาสต่อยอดกับนักลงทุนและนักท่องเที่ยวชาวจีน
จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ มีหนังสือไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่องโครงการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในอุดมศึกษาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลก ให้ควบคุมสาขาวิชาในการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ไม่มีงานทำ และไม่ตรงตามความต้องการตลาดแรงงาน เพื่อลดเงินอุดหนุนการศึกษา โดยได้ยกตัวอย่างสาขาวิชาภาษาจีน เป็นต้น
หลังหนังสือได้ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดปฏิกิริยาทั้งในส่วนของนักศึกษาและอาจารย์ที่เปิดการเรียนการสอนสาขาภาษาจีนว่าข้อคิดเห็นดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตรงข้ามกลับเป็นสาขาวิชาที่ควรได้รับการสนับสนุนให้ขยายตัวยิ่งขึ้นไป เนื่องจากภาษาจีนในปัจจุบันเป็นภาษาที่ 2 ของโลก รองจากภาษาอังกฤษ และประเทศไทยจำเป็นต้องผลิตนักศึกษาวิชานี้ออกมารองรับกับการเติบโตของตลาดแรงงาน
โดยคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ได้เปิดสอนวิชาภาษาจีนตั้งแต่ปี 2549 ปัจจุบันมีนักศึกษาเป็นรุ่นที่ 12 และรุ่นที่ 9 กำลังจะจบการศึกษาปีนี้ โดยนักศึกษาทั้งหมดกว่า 30 คนในรุ่นนี้ ปัจจุบันได้รับการติดต่อให้ไปทำงานเป็นครูสอนภาษาจีนตามโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดอีสานตอนล่าง บางรายได้รับทุนการศึกษาให้ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่ประเทศจีน บางรายออกไปทำอาชีพเป็นล่ามให้กับบริษัทนักลงทุนชาวจีน บางคนออกประกอบธุรกิจส่วนตัวกับชาวจีนโดยตรง กล่าวได้ว่านักศึกษาเอกภาษาจีนของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้งานทำเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
ผช.ศ.ดร.ภูษิต ฉัตรวิริยาวงศ์ คณะบดีคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี กล่าวว่า ปัจจุบันนอกจากมีการเรียนในประเทศไทยแล้ว ยังมีการทำเอ็มโอยูกับเมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน และเมืองคุณหมิง มณฑลยูนนาน ในการส่งนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ชั้นปีที่ 3 ไปฝึกงานก่อนจบการศึกษาเป็นเวลา 1 ปี จากเดิมที่เคยไปฝึกงานเพียงปีละ 5 เดือน
ส่วนสาขาวิชานี้เป็นที่สนใจในตลาดหรือไม่ ให้ดูจากกฎของธรรมชาติ เพราะการเข้าเรียนต่อนักศึกษาต้องคิดถึงอนาคตจะมีงานทำหรือไม่ รวมทั้งผู้ปกครองของเด็กก็ต้องคิดเช่นกัน เมื่อเปิดรับสมัครในช่วงปีแรกๆ มีคนมาสมัครน้อยไม่เต็มโควตา แต่ปัจจุบันมีผู้สมัครเรียนจนเกินโควตาที่รองรับได้คือไม่เกิน 40 คนต่อรุ่น โดยนักศึกษาที่จบการศึกษาออกไปทั้งหมดมีงานทำเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เป็นที่สนใจของนักศึกษาที่ต้องการเรียนกับภาควิชานี้
ด้าน น.ส.นันทินีญา สิงห์คำ อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 เอกวิชาภาษาจีน กล่าวว่า ตนกำลังจะจบการศึกษาและได้รับการติดต่อจากรุ่นพี่ที่จบการศึกษาไปแล้ว ให้ไปทำงานเป็นครูสอนภาษาจีนที่โรงเรียนฮั้วเฉียวกงฮัก สาขา 2 อ.เมืองอุบลราชธานี จึงยืนยันว่านักศึกษาที่เรียนจบสาขาวิชานี้ มีงานทำแน่นอน เพราะจากการติดต่อกับรุ่นพี่รหัสที่ผ่านมาก็ทราบว่าทุกคนมีงานทำในที่ต่างๆกัน สำหรับตัวเธอเองตอนแรกไม่ตั้งใจเข้ามาเรียนสาขาวิชานี้ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะเรียนรู้ แต่เมื่อทราบถึงอนาคตจะได้ไปต่อในสาขาอาชีพจึงตัดสินใจมาเรียน
ด้าน ผศ.ดร.สรรพสิริ ส่งสุขรุจิโรจน์ ประธานกรรมการบริหารหลักสูตรสาขาวิชาภาษาจีน คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี กล่าวว่า การสอนภาควิชาภาษาจีน นอกจากนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยจะมีงานทำเกือบทั้งหมดแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสให้แก่เด็กในต่างจังหวัดมีทางเลือกการศึกษามากขึ้น
โดยผู้ที่มาเรียนเกือบทั้งหมดแทบไม่มีพื้นฐานทางด้านภาษาจีนมาก่อน แต่ได้ใช้เวลาปั้นจนได้คุณภาพ หากไม่มีการสนับสนุนจะทำให้เด็กนักศึกษาเหล่านี้ขาดโอกาส จึงขอให้ทบทวนคิดกันใหม่ เพราะทำให้ประเทศเสียโอกาสในการเชื่อมต่อของคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ส่วนหนึ่งใช้ภาษาจีนสื่อสารกัน