ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ต ถกเครียดออกมาตรการจัดการรถบ้านจากจีนเข้าภูเก็ต ก่อนบุกหนักมาเป็นร้อย หวั่นทำเสียบรรยากาศการท่องเที่ยว ระยะสั้นหลายหน่วยงานเสนอบังคับใช้กฎหมายขนส่งเพราะผิดเต็มๆ เบื้องต้น จับกุมดำเนินคดีหากเข้ามาไม่ถูกต้อง กำกับดูแลรถบ้านจากจีนเข้ามาใช้พื้นที่สาธารณะเป็นที่พักชั่วคราว
วันนี้ (24 ม.ค.) นายประเจียด อักษรธรรมกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมด่วน เพื่อกำหนดมาตรการณ์ในการป้องกันแก้ไขปัญหา และกำหนดมาตรการในการกำกับดูแลกรณีนักท่องเที่ยวชาวจีนนำรถบ้านเข้ามาท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต โดยเส้นทาง R3A คุณหมิง เชียงของ จังหวัดเชียงราย ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ภูเก็ตเริ่มมีรถเหล่านี้เข้ามาแล้วประมาณ 10 คัน โดยจอดพักตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ เช่น บริเวณปลายแหลมสะพานหิน หาดยะนุ้ย หาดในยาง
นายประเจียด กล่าวในการประชุม ว่า ปัญหาเรื่องรถบ้านเป็นปัญหาที่เริ่มเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศเนื่องจากเป็นจังหวัดที่อยู่ติดชายแดน ซึ่งหลายคนเกรงว่าปัญหาดังกล่าวจะลุกลามมาถึงภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้รถบ้านจากจีนได้เข้ามาถึงภูเก็ตตามที่หลายคนกลัวแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ขณะนี้มีรถบ้านเข้ามาจอดนอนค้างคืนตามสถานที่ต่างๆ ของภูเก็ตแล้วประมาณ 10 คัน เช่น บริเวณแหลมสะพานหิน อ.เมือง หาดยะนุ้ย จ.ภูเก็ต หาดในยาง จ.ภูเก็ต ซึ่งถ้าปล่อยไว้โดยไม่มีมาตรการป้องกันเชื่อว่าจำนวนรถบ้านเหล่านี้จะเข้ามาภูเก็ตมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะไม่ใช้บริการโรงแรมในการพักค้างคืนแล้ว ร้านอาหาร หรือบริการด้านอื่นก็ไม่ใช้บริการด้วย อาหารก็ซื้อจากร้านสะดวกซื้อ หรือตลาดมาประกอบอาหารเอง จึงจำเป็นที่จะต้องหามาตรการมารองรับปัญหาในจุดนี้ก่อนที่จะมีปัญหาลุกลาม
ขณะที่ พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในกรณีรถบ้านที่เข้ามาจากการตรวจสอบพบว่า อาศัยเข้ามาโดยใช้กฎหมายศุลกากร ที่กำหนดว่ารถเป็นสิ่งของที่ปกติดตัว แต่ถ้าไปดูกฎหมายขนส่งพบว่า กรณีการนำรถบ้านมาใช้ถือว่าผิดกฎหมายขนส่งอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นกรณีนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องระดับชาติ แต่อย่างไรก็ตาม ก็อยู่ที่จังหวัดว่าจะให้จัดการอย่างไร ถ้าจะให้ดำเนินการตามกฎหมายจับรถที่เข้ามาให้ถูกต้องในส่วนของตำรวจก็พร้อมที่จะดำเนินการ แต่ถ้ามีการจับก็จะไปเกี่ยวกับกับเรื่องของผลกระทบต่อการท่องเที่ยวหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนตัวถ้าไม่อยากให้เกิดปัญหาจนไม่สามารถควบคุมได้ คิดว่าไม่ควรที่จะให้เข้ามา เพราะถ้าเข้ามาก็จะต้องมองเรื่องของที่จอดรถจะให้จอดที่ใหญ่ จอดแล้วมีความปลอดภัยหรือไม่ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ถ้าอยากจะให้เข้ามาก็ต้องมีมาตรการควบคุม เช่นการจับกุมดำเนินคดีต่อรถที่ไม่ถูกต้อง และผิดกฎหมายขนส่ง เรื่องนี้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันออกตรวจสอบถ้าผิดก็จับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายปรับสูงสุด
ขณะที่ จตุรงค์ แก้วกสิ นักวิชาการขนส่ง กล่าวว่า ในกรณีรถบ้านที่เข้ามานั้นพบว่า ผิดกฎหมายขนส่งอย่างแน่นอน เพราะเป็นรถดัดแปลง การเข้ามาจะต้องมีการจดทะเบียนให้ถูกต้อง คนขับต้องมีใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งขณะนี้สามารถจับกุมได้เลยถ้าใช้กฎหมายขนส่ง ซึ่งกระทรวงคมนาคม กำลังอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะถ้าคนไทยนำรถเข้าไปประเทศจีนไม่สามารถที่จะเข้าสะดวกได้เหมือนกับที่คนจีนนำรถเข้ามาในไทย ซึ่งในระหว่างรัฐบาลก็มีการคุยเรื่องนี้กันอยู่แล้ว แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะออกมารูปแบบไหน ส่วนกรณีของระดับจังหวัดก็ต้องดูทางจังหวัดจะมีมติเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร
ด้านนายสาธิต กลิ่นภักดี ท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จะต้องมีการกำหนดมาตรการที่จัดเจนว่า ภูเก็ตจะเอานักท่องเที่ยวกลุ่มนี้หรือเปล่า ถ้าเอาก็จะต้องมาหาสถานที่ในการรองรับในเรื่องของการจอดรถ ซึ่งเป็นปัญหาว่าจะเอาสถานที่ไหนมาให้จอด อยากที่ทราบภูเก็ตเราต้องการที่จะยกระดับคุณภาพนักท่องเที่ยว แต่ถ้าปล่อยให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มเข้ามาโดยไม่มีการควบคุม เพราะหวังเพียงจำนวนโดยไม่หวังคุณภาพ ภูเก็ตก็จะไม่เหลืออะไร นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เข้ามาใช่จ่ายแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะฉะนั้น ถ้าจะเข้ามาก็ต้องกำหนดมาตรการในการดำเนินการทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายต่างที่จะต้องสูงกว่าคนที่นำรถเก๋งเข้ามาเที่ยวตามปกติ เพราะถ้าเราไปเที่ยวเมืองนอก และเอารถไปเราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
ด้านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งเทศบาลนครภูเก็ต และเทศบาลตำบลราไวย์ แจ้งว่า กรณีนักท่องเที่ยวจีนนำรถไปจอดที่สะพานหิน ทางเทศบาลก็ได้จัดเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และขอให้ออกจากพื้นที่หลัง 23.00 น. เนื่องจากพื้นที่ปลายแหลมสะพานหิน เป็นพื้นที่ห้ามนอนค้างคืนอยู่แล้ว และเป็นสถานที่ปิดห้ามไม่ให้มีการเข้าไปในพื้นที่ตั้งแต่เวลา 23.00-04.00 น. ซึ่งนักท่องเที่ยวก็นำรถออกไป เช่นเดียวกับกรณีที่นำรถไปจอดที่หาดยะนุ้ย ทางเจ้าหน้าที่ก็เข้าไปดำเนินการตรวจสอบ และแจ้งให้นำรถออกจากพื้นที่โดยใช้เรื่องของการสร้างความเดือดร้อนรำคาญเข้ามาดำเนินการ
ด้านนายประเจียด อังษรธรรมกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังการประชุม ว่า สำหรับการประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกัน ทั้งนี้ รถบ้านเป็นรถที่มีการแก้ไขดัดแปลง ทำให้เป็นรถที่ผิดกฎหมายการจราจรทางบกของไทย ขณะที่นักท่องเที่ยวก็สามารถขับรถเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้นานสูงสุดถึง 6 เดือนตามกฎหมายศุลกากร ในส่วนของจังหวัดภูเก็ต ไม่มีพื้นที่สำหรับจอด และทรัพยากรที่จัดสรรไว้สำหรับการให้บริการรถบ้าน ทำให้อาจเกิดปัญหาด้านสาธารณสุข ความสะอาด รวมถึงก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่นักท่องเที่ยวคนอื่นหากจอดในพื้นที่สาธารณะ
อย่างไรก็ตาม ตนได้สรุปแนวทางการแก้ปัญหาออกเป็น 2 ประเด็น คือ การจับกุมรถบ้านที่เข้ามาในจังหวัดภูเก็ตที่ไม่ถูกต้องโดยไม่มีการละเว้น หรือให้ท้องถิ่นแต่ละแห่ง หรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้องออกบัญญัติตามอำนาจหน้าที่ เช่น อาจกำหนดพื้นที่ และจำกัดจำนวนรถบ้านที่สามารถเดินทางเข้าสู่จังหวัดภูเก็ต การขอใบอนุญาตต่างๆ เป็นต้น โดยจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมกรมการจังหวัดประจำเดือนมีนาคมนี้ เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันอีกครั้ง
ขณะที่ นายสันติ ป่าหวาย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงมาตรการกำกับดูแลรถบ้านจากประเทศจีน หลังพบมีการเดินทางเข้ามาใช้พื้นที่สาธารณะเป็นที่พักชั่วคราวในจังหวัดภูเก็ต ว่า สำหรับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพหลักในการเชื่อมระหว่างกรมศุลกากร กับกรมการขนส่ง เพราะในระเบียบของกรมศุลกากรนั้น มองว่า พาหนะเป็นสิ่งของที่ติดตัวมา อนุญาตให้นำเข้ามาได้ไม่เกิน 6 เดือน แต่ในส่วนของกรมการขนส่ง ถ้าไม่มีใบอนุญาตก็ไม่สามารถเข้ามาวิ่งในประเทศไทยได้ ก็ขัดแย้งกันอยู่ แต่ตอนนี้ได้ทะลักจากจังหวัดเชียงราย เข้ามายังจังหวัดภูเก็ตแล้ว ตรงนี้ทางภูเก็ตเราเองก็ต้องเข้ามากำกับควบคุมในสิ่งที่นักท่องเที่ยวจีนนำเข้ามา จะเข้าดำเนินการจับกุมเลยนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว
แต่อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ณ ตอนนี้ มีมติที่ประชุมออกมาว่า จะปิดกั้นรถบ้านจีนจากจังหวัดเชียงรายที่มีกว่า 200 คัน เพื่อไม่ให้เข้ามาก่อน แต่ในส่วนที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตแล้วมีประมาณ 10 คัน ถ้าครบกำหนดการเข้ามาอยู่แล้วก็ต้องให้ออกไป แต่ในช่วงที่เขายังอยู่เราจะปฏิบัติกับเขาอย่างไร เช่น จัดโซนนิ่งให้เขาอยู่ ตรงไหนที่เขาจะทิ้งสิ่งปฏิกูลต่างๆ ได้บ้าง รถบ้านที่นำเข้ามาจะต้องจอดอยู่กับที่ ไม่ให้วิ่งอย่างอิสระทั่วไป การจะไปท่องเที่ยวเที่ยวตามจุดต่างๆ ในพื้นที่จะต้องเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ หรือยานพาหนะที่อยู่ในพื้นที่ภูเก็ตของเราเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะต้องชี้แจงทำความเข้าใจต่อนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้
ต้องบอกเขาว่าผิดกฎหมายอยู่แล้ว ถ้าจับก็สามารถจับกุมได้ แต่ต้องคำนึงว่าถ้าจับแล้วจะมีผลต่อความสัมพันธ์ ต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวหรือไม่ ซึ่งต่อไปทางกรมการท่องเที่ยวต้องพิจารณาแล้วว่า การที่จะเอารถบ้านเข้ามาต้องมีใบอนุญาตผ่านบริษัทนำเที่ยวเข้ามา เพราะจะทำให้เรารู้เส้นทาง หรือสถานที่ที่เขาจะไปได้ชัดเจน ไม่สะเปะสะปะ สามารถควบคุมได้ เช่นเดียวกันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องเตรียมความพร้อมว่าต่อไปเมื่อเปิด AEC ตรงนี้เขาคงเข้ามาได้ ในเมื่อเขาได้รับอนุญาตถูกต้องแล้วเราจะทำอย่างไร ท้องถิ่นจะเอาตรงไหนเป็นแลนมาร์กสำหรับจอดรถบ้าน ต้องมีค่าบริหารจัดการ ทั้งในเรื่องการจัดเก็บค่าจอดรถ ค่าชาร์จไฟ และอาจจะต้องจัดเก็บค่าเข้ามาอยู่ในภูเก็ตด้วย ก็เป็นเรื่องที่จังหวัดจะต้องมาพูดคุยกันอีกครั้ง
“รถบ้านดังกล่าวเข้ามาทางด่านศุลกากรเชียงของ จังหวัดเชียงราย ซึ่งดูแค่ว่าเป็นสิ่งของติดตัวมาเขาก็เก็บภาษีแค่นั้นเอง แต่การอนุญาตที่ถูกต้องไม่มีใครกำกับดูแล แต่ตอนนี้จริงๆ ต้องกำหนดโซน อย่างมาเชียงราย ต้องกำหนดกรอบว่าให้อยู่ได้ในเชียงราย แต่นี้ทะลักมายังจังหวัดอื่นได้อย่างไร ต้องเป็นข้อกฎหมายของแต่ละหน่วยงานที่จะเข้าไปกำกับดูแล ซึ่งกรมการขนส่งเอง ต่อไปก็ต้องไปกำหนดกรอบข้อกฎหมายให้ชัดเจนขึ้นมาว่า ไม่อนุญาตให้นำรถบ้านเข้ามา แต่ถ้าจะนำเข้ามาก็ต้องขออนุญาตกรมการท่องเที่ยว มาในนามบริษัทนำเที่ยวให้เข้ามาเป็นคาราวาน คงไม่เป็นไพรเวตของใครเพราะจะควบคุมไม่ได้” นายสันติ กล่าว