xs
xsm
sm
md
lg

“เปี่ยน กี่สิ้น” ควงลูงชายเปิดใจถูกดิสเครดิต มั่นใจชี้แจงได้ทุกกรณี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเปี่ยน กี่สิ้น อดีตนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง นำทีมเปิดใจ
ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “เปี่ยน กี่สิ้น” อดีตนายกเล็กเมืองป่าตอง ควง 2 ลูกชาย “ปัท -ปราบ” พร้อมทนายความ แถลงข่าว เชื่อถูกดำเนินคดีหวังดิสเครดิตทางด้านธุรกิจ และการเมือง มั่นใจทุกอย่างสามารถชี้แจงทุกข้อกล่าวหา พร้อมเผยสาเหตุไปรายงานตัวต่อทหารก่อนเข้ามอบตัว ก็เพื่อให้เกียรติทุกฝ่ายเพราะตอนเข้าตรวจค้นทหารเข้าร่วมด้วย

เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (2 ก.ย.) ที่บ้านเลขที่ 73 ถนนพระบารมี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายเปี่ยน กี่สิ้น อดีตนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง นายปรีชาวุฒิ หรือปราบ กี่สิ้น นายปัทวี กี่สิ้น ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในข้อหาฐานความผิด “เป็นอั้งยี่ โดยเป็นหัวหน้าผู้จัดการ หรือผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในสมาชิกคณะบุคคลนั้นและร่วมกันประกอบการขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมด้วย นายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล ทนายความ ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน หลังได้รับการประกันตัวเมื่อเวลา 03.00 น. วันนี้
นายเปี่ยน กี่สิ้น พร้อมลูกชาย 2 คน
โดย นายเปี่ยน กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่เดินทางไปรายงานตัวต่อทางทัพเรือภาคที่ 3 ก่อนที่จะเดินทางไปมอบตัวต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ตนเข้าใจว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่อยู่ในความดูแลของทาง คสช.ประกอบกับวันที่เข้าตรวจค้นมีทหารเข้าร่วมด้วย เพื่อให้เกียรติทั้ง 2 ฝ่าย ก็ต้องไปรายงานตัวต่อทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่เป็นการไม่ให้เกียรติต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งในช่วงที่ถูกควบคุมตัวก็ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ชุดรับมอบตัวที่ดูแลอย่างดี แต่ตนก็ไม่เข้าใจเรื่องข้อหาเป็น อั้งยี่ ซึ่งไม่ใช้กันมานานแล้วในประเทศไทย และตนก็ไม่เข้าใจในเรื่องของการออกหมายจับ เพราะตนและครอบครัวมีที่พัก มีสถานประกอบการเป็นหลักแหล่ง อยู่ในที่เปิดเผย แม้ว่าตนจะไม่ได้พักอยู่ที่บ้านหลังนี้แต่ก็เปิดเผยตัวอย่างจัดเจน ไม่ได้หลบหนีไปไหน เพียงแต่ตอนเช้าออกไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัว แต่ก็อยู่ในพื้นที่ ทำไมไม่เรียกไปสอบสวน หรือเรียกไปให้ข้อมูล อยู่ๆ ก็ได้รับแจ้งว่า มีการนำกำลังพร้อมหมายจับบุกมาที่บ้านเลย ซึ่งในทางปฏิบัติคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และในการสอบสวนตนถูกออกหมายจับฐานเป็นอั้งยี่ แต่เวลาสอบกลับสอบไปถึงเรื่องของการเลือกตั้ง เรื่องของการได้รับใบเหลือง จึงมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นเรื่องการเมืองหรือไม่

นายเปี่ยน กล่าวต่อไป เรื่องของธุรกิจตนได้โอนให้ลูกๆ ดูแลมาตั้งหลังเกิดเหตุการณ์สึนามิถล่มแล้ว หลังจากนั้น ลูกๆ ก็ไปพัฒนาขยายธุรกิจไปจนถึงปัจจุบัน หลายคนมองว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวย แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ร่ำรวยมาจากไหน เงินที่นำมาขยายธุรกิจนั้นเป็นเงินกู้มาทั้งนั้น คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นถูกดิสเครดิตทางสังคม ส่วนในแง่ของกฎหมายที่ออกหมายจับนั้นตนไม่ดื้อดึง ไม่หลบหนีอย่างแน่นอน พร้อมที่จะชี้แจงทุกข้อกล่าวหา ส่วนศาลตัดสินอย่างไรก็พร้อมที่จะรับได้ทั้งหมด ส่วนเรื่องของการเรียกรับผลประโยชน์ยืนยันว่าไม่เคยเรียกรับแน่นอน เพราะที่ผ่านมาทำงานด้วยความเสียสละมาโดยตลอด
นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น หรือ ปราบ
ขณะที่ นายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล ทนายความ กล่าวว่า สำหรับการออกหมายจับในครั้งนี้ เป็นการออกหมายจับข้อหา อั้งยี่ และขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งกรณีของข้อหาอั้งยี่นั้นก็อธิบายไม่ถูกเช่นกัน เพราะเป็นกฎหมายสมัยโบราณ และไม่ใช่มานานแล้ว ซึ่งเหตุผลของการตั้งข้อหาอั้งยี่ ทราบว่าเกิดจากกรณี นายเปี่ยน และนายปราบ ตั้งบริษัทฟิโซน่า ขึ้นมา และจ้างพนักงานมาทำงาน ในความคิดเห็นของตนคิดว่า อั้งยี่ มีการใช้กับคนระดับล่าง แต่นี่เขามาทำธุรกิจ มาตั้งบริษัททัวร์ โรงแรม ลงทุนเป็น 100 ล้าน 1,000 ล้านบาท จะมาเป็นอั้งยี่ได้อย่างไร โดยที่บอกว่าเป็นอั้งยี่ เพราะไปเรียกรับผลประโยชน์จากห้างจังซีลอน ซึ่งจริงๆ แล้ว ห้างจังซีลอนเป็นที่ของเอกชน และทางบริษัทฯ ก็เป็นผู้ไปเช่าพื้นที่ และมีการเรียกเงินค่าจอดรถในการให้บริการ ซึ่งรายได้กับค่าเช่าไม่ต่างกันมากนัก และไม่เกี่ยวกับธุรกิจอื่นของทางพิโซน่าฯ นอกจากนี้ ยังมีการไปเช่าเคาน์เตอร์ของโรงแรมประมาณ 2 โรงแรม เพื่อตั้งเคาน์เตอร์ทัวร์ให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยว เมื่อนักท่องเที่ยวมาเรียกใช้รถก็จะแจ้งให้รถเข้าไปรับ และมีข้อตกลงกับผู้ที่นำรถมาให้บริการ และการดำเนินการครั้งนี้มีการดึงเอาสรรพากร และ ปปง.เข้ามาดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมาทางสรรพากรพื้นที่ได้เข้ามาตรวจสอบเป็นประจำอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นคิดว่าข้อหาที่ตั้งมานั้นเป็นการดิสเครดิตทางด้านการเงิน โดยมุ่งไปที่การหารายได้ไม่ชอบ แต่ทั้งหมดเป็นการหารายได้ที่ชอบ แต่ลักษณะเช่นนี้ไม่ควรถึง ปปง. หรือสรรพากร เพราะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งกรณีของสรรพากร ก็สามารถตรวจสอบธุรกิจของบริษัทฯ เป็นปกติอยู่แล้ว ส่วน ปปง. มีการขยายฐานอำนาจถึงอั้งยี่ ซึ่งมีการไปรายงานถึงสำนักงานใหญ่ จากที่ได้ประเมินสรุปได้ว่า ข้อหาที่ตั้งว่าเป็นอั้งยี่นั้นตลก เชื่อว่าหลายคนคงไม่ได้ยินข้อหานี้ และเป็นการดิสเครดิตทางการเมือง และอาจจะมีนายตำรวจบางนายไปรู้เห็นกับพรรคการเมืองบางพรรค ไม่ต้องการให้ทางนี้เติบโตขึ้นมา จึงมุ่งเป้าตัดฐานอำนาจทางการเงินเพื่อไม่ให้เติบโต นี่คือเป้าประสงค์ที่แท้จริง
นายปัทวี กี่สิ้น
ขณะที่ นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น หรือปราบ บุตรชายนายเปี่ยน กล่าวว่า เหตุการณ์ ไม่แปลกใจ เพราะที่ผ่านมา ตนทำงานกับทางเจ้าหน้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และหน่วยอื่นๆ มาโดยตลอด ซึ่งก็ทราบกันดีว่า ตนได้เข้ามาช่วยเหลือสังคมมากน้อยเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นการจัดระเบียบการให้บริการรถแท็กซี่ที่ จัดให้มีการอบรมด้านภาษา การอบรมใบอนุญาตขับขี่ การให้ช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยว หรือกระทั่งการเข้าไปมีส่วนในโครงการสำคัญๆ เช่น เซฟตี้โซน โครงการป่าตองสีขาว ส่วนกรณีที่มีการนำเอาเอกสารที่ระบุว่า มีการเรียกเก็บเงินนั้น ความจริงแล้วเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่ใช้ประกอบการทำวิจัย โดยได้มีการศึกษาข้อมูลของทุกอาชีพที่ป่าตอง โดยตนทำเรื่องของการจัดการตนเอง ดังนั้น จึงต้องมีการศึกษาข้อมูลของทุกกลุ่มอาชีพ และเอกสารดังกล่าวก็ระบุแค่เพียงว่า มีอาชีพต่างๆ มีการจ่ายเงินเท่าใด และไม่ทราบว่าทำไมจึงนำเฉพาะส่วนที่มีการจ่ายกับท้องถิ่นเท่านั้นมาแสดง ทั้งๆ ที่มีของหน่วยอื่นๆ ด้วย

ส่วนกรณีการมอบตัวที่กรุงเทพฯ แทนที่จะมามอบตัวที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ก็เนื่องจากก่อนที่จะมีการเข้าจับกุม ตนได้เดินทางไปสัมมนาที่กรุงเทพฯ หลังจากเสร็จธุระก็รีบเดินทางกลับ แต่กลับไม่ทันจึงตัดสินใจปรึกษาทางทนายความ โดยทางทนายความแนะนำให้เข้ามอบตัวต่อสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ที่สุด

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น