ทอท.เตรียมประมูลติดตั้งระบบจัดเก็บค่าจอดรถอัจฉริยะที่ สุวรรณภูมิสัญญา 7 ปี วงเงิน 500 ล้าน มั่นใจอำนวยความสะดวก ที่สำคัญแก้ปัญหารายได้รั่วไหลได้ ปิดฉากข่าวฉาวชายชุดดำบุกที่จอดรถสุวรรณภูมิ
นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ที่มี น.ต.ศิธา ทิวารี เป็นประธานเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา อนุมัติการประกวดราคาเพื่อจัดหาผู้ติดตั้งระบบจัดเก็บค่าจอดรถอัจฉริยะของอาคารจอดรถที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงินลงทุน 500 ล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี โดยจะปรับระบบจัดเก็บทั้งหมดเป็นอัตโนมัติ มีอุปกรณ์ควบคุม ทั้ง CCTV เครื่องจัดเก็บและเติมเงินอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้พนักงาน (Unman) เหมือนท่าอากาศยานอินชอนของเกาหลีใต้ ซึ่งจะแก้ปัญหารั่วไหลได้แน่นอน โดยหลังเปิดประกวดราคาคาดว่าจะใช้เวลาติดตั้งระบบประมาณ 3 เดือน คาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในเดือนกันยายน 2557 หรืออย่างช้าไม่เกินสิ้นปีนี้
“ระบบจัดเก็บค่าจอดรถอัจฉริยะจะใช้หุ่นยนต์จัดการทั้งหมด พวกบัตร VIP จะไม่มีแล้ว ต้องเติมเงินในบัตรทุกใบไม่มีตกหล่นเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งอยากให้มองไปข้างหน้ามากกว่า เพราะเป็นวิวัฒนาการใหม่ที่ ทอท.นำมาใช้ ซึ่งต่อไปจะสามารถพัฒนาจัดบริการเสริมใหม่ๆ ที่อำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการได้ง่ายมากขึ้น มีตู้เติมเงิน และจ่ายค่าบริการโดยใช้บัตร และหลังชำระเงินต้องนำรถออกภายใน 30 นาที ซึ่งช่วงแรกอาจจะติดขัดบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาเพราะยังไม่คุ้นเคย แต่เป็นระบบที่โปร่งใส ต่อไปเชื่อว่าทุกคนต้องยอมรับ และในระยะยาวจะช่วยให้ ทอท.ประหยัดต้นทุนลงได้”
อย่างไรก็ตาม ปัญหาคดีฟ้องร้องกับบริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเม้นท์ จำกัด นั้นก็เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการ โดยปัจจุบัน ทอท.บริหารจัดการที่จอดรถสุวรรณภูมิเองอยู่แล้ว
โดยปัจจุบัน ทอท.มีรายได้จากค่าจอดรถที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประมาณ 32 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งปรับปรุงระบบไปก่อนแล้วเมื่อปี 2556 มีรายได้ประมาณเพิ่มขึ้นจาก 1 ล้านบาทเป็น 3 ล้านบาทต่อเดือน
สำหรับปัญหาที่จอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภมิ เกิดจากมีชายชุดดำบุกยึดพื้นที่อาคารและลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2553 เป็นเหตุให้ ทอท.ระบุว่าสัญญาสัมปทานบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถหน้าอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระหว่าง ทอท. กับบริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเม้นท์ จำกัด ไม่สมบูรณ์ ขณะที่ทาง บ.ปาร์คกิ้งฯ ระบุว่าเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีที่ชายชุดดำบุกเข้าพื้นที่ และยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชายชุดดำ และคัดค้านการที่ ทอท.ยกเลิกสัญญา โดยต่อมาได้ระบุว่า บอร์ด ทอท.มีมติให้สัตยาบันย้อนหลัง ซึ่งไม่ถูกต้อง จนเป็นข้อพิพาทถึงขณะนี้
ด้าน ทอท.ได้เข้าไปดำเนินการดูแลและจัดเก็บค่าจอดรถทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2556 เวลา 16.30 น. โดยระบุกรณีที่ บ.ปาร์คกิ้งฯ ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดไม่มีผลต่อการคุ้มครองชั่วคราว ดังนั้น บ.ปาร์คกิ้งฯ ไม่ได้รับให้อยู่ในพื้นที่ ส่วนการฟ้องร้องในประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อยุติจะเป็นไปตามกระบวนการ และรายได้ค่าจอดรถหลายร้อยล้านบาทที่มีการนำไปวางไว้ที่ศาลยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้
