“ปาร์คกิ้ง” ติดประกาศไม่ออกจากพื้นที่อาคารจอดรถสุวรรณภูมิ เผยยื่นอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุดแล้วตามกฎหมาย คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด แฉ ทอท.เตรียมเจ้าหน้าที่และตำรวจหลายร้อยนายเตรียมบุกหลังเวลา 16.30 น. 30 เม.ย.นี้ แถมมีการเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงวันละหลายล้าน แนะตรวจสอบใช้จ่ายเกินจำเป็นหรือไม่ พร้อมยื่นหนังสือถึง “ศิธา” ให้ทำตามกฎหมาย อย่าใช้กำลังที่ทำให้เกิดความรุนแรงหวั่นซ้ำรอยเหตุชายชุดดำ ด้าน “ศิธา” รับอาจเกิดเหตุกระทบบ้าง แต่ยืนยัน ทอท.ต้องเข้าพื้นที่ตามคำสั่งศาล
แหล่งข่าวจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย ยำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทอท.ได้เตรียมพนักงานเข้าทำการบริหารและจัดเก็บค่าจอดรถอาคารจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมกับประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลความเรียบร้อยด้วย ทั้งนี้ เป็นการดำเนินการหลังจากศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2556 ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาคดีหมายเลขดำ ที่ ๒๕๔/๒๕๕๖ ระหว่างบริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ฟ้องคดี กับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ซึ่งเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำ ที่ ๒๕๗๔/๒๕๕๖ ที่ศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้โอนคดีไปศาลปกครองกลาง
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ทางบริษัท ปาร์คกิ้งฯ ได้ติดประกาศหน้าตู้เก็บค่าจอดรถว่า “อยู่ระหว่างอุทธรณ์อำนาจศาลปกครองสูงสุด” โดยนายธนกฤต เจตกิตติโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปาร์คกิ้ง กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้ทุเลาการบังคับคำสั่งของศาลปกครองกลางเป็นกรณีเร่งด่วน และฉุกเฉิน และวันที่ 25 เมษายน บริษัท ปาร์คกิ้งฯ ได้ทำหนังสือถึงประธานกรรมการ ทอท. และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายวิธีปฎิบัติราชการทางปกครอง โดยบริษัท ปาร์คกิ้งฯ ยืนยันในการปฏิบัติหน้าที่ภายในบริเวณอาคารและลานจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อไปจนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน และขอให้ ทอท.ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 72 วรรคสี่ และวรรคห้า หากบริษัท ปาร์คกิ้งฯ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ทอท.ควรร้องขอศาลปกครองกลางเพื่อให้มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งก่อน
“ตามกฎหมาย บริษัท ปาร์คกิ้งฯ มีสิทธิอุทธรณ์ และตามกฎหมายถ้ามีอุทธรณ์ต้องรอจนกว่าจะถึงที่สิ้นสุด ทอท.ยังทำอะไรไม่ได้ แต่หาก ทอท.จะทำก็ต้องยื่นเรื่องเพื่อให้เจ้าหน้าที่บังคับคดีเข้ามา แต่ขณะนี้ ทอท.ได้มีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่หลายร้อยคน และยังขอกำลังตำรวจอีก 2 กองร้อยมาเตรียมบุก ซึ่งไม่ถูกต้อง และจะเกิดความวุ่นวายได้ นอกจาก ทอท.จะกระทำที่เกินกว่าเหตุและมีข้อสังเกตภายใน ทอท.เองว่า การจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ทั้งของ ทอท.เอง และตำรวจจำนวนมาก และได้มีการขอเบิกเบี้ยเลี้ยงกันวันละหลายล้านบาท เป็นการใช้จ่ายงบประมาณที่เกินความจำเป็นหรือไม่ และมีใครได้ประโยชน์กับเรื่องนี้หรือไม่”
อย่างไรก็ตาม เหตุชายชุดดำบุกยึดพื้นที่อาคารและลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2553 เป็นเหตุให้ ทอท.ระบุว่าสัญญาสัมปทานยังไม่สมบูรณ์ สัญญาบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถหน้าอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระหว่าง ทอท.กับ บ.ปาร์คกิ้งฯ ได้รับผลกระทบนั้น ชายชุดดำไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ บ.ปาร์คกิ้งฯ และต้องถาม ทอท.ว่า ให้คนเหล่านี้เข้ามาในพื้นที่ได้อย่างไร และการยกเลิกสัญญาที่ผ่านมาไม่ถูกต้อง ผู้ลงนามยกเลิกไม่มีอำนาจ จนล่าสุดบอร์ ทอท.ต้องมีมติให้สัตยาบันย้อนหลัง
ด้าน น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.กล่าวว่า การยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดไม่มีผลต่อการคุ้มครองชั่วคราวที่ บ.ปาร์คกิ้งฯ ได้รับให้อยู่ในพื้นที่ และหลักการอุทธรณ์ควรจะต้องมีเหตุผลหรือหลักฐานใหม่ที่มีน้ำหนัก แต่เท่าที่ทราบเรื่องที่ บ.ปาร์คกิ้งฯ ยื่นยังเป็นเรื่องเดิมๆ ดังนั้น ทอท.ต้องเดินหน้าเพื่อไม่ทำให้องค์กรเสียประโยชน์ โดยได้มอบหมายให้ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเตรียมแผนดำเนินการเพื่อให้ ทอท.สามารถเข้าไปจัดเก็บค่าจอดรถได้ตามระเบียบ เพราะหาก ทอท.ไม่เข้าไปจัดเก็บจะถือว่ามีความผิดเช่นกัน
“ยืนยันว่า วันที่ 30 เมษายน 2556 เวลา 16.30 น. ทอท.จะต้องเข้าไปดำเนินการดูแลและจัดเก็บค่าจอดรถทั้งหมด ทาง บ.ปาร์คกิ้งฯ จะมาป่วนหรือยื้อ จะล็อกตู้ไม่ให้เข้าไม่ได้ ในส่วนของผู้ใช้บริการก็จะยังคงใช้บริการที่จอดรถของสนามบินสุวรรณภูมิได้ตามปกติ” น.ต.ศิธากล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้ที่มีชายชุดดำเข้าไปในพื้นที่อาคารจอดรถจนส่งผลกระทบต่อการให้บริการหรือไม่ น.ต.ศิธากล่าวยอมรับว่า เนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านก็อาจจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่จะไม่ให้กระทบต่อผู้ใช้บริการ ยืนยันว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย เรื่องนี้ศาลปกครองกลางชี้มาแล้ว
ยกเว้นศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งทาง บ.ปาร์คกิ้งฯ ได้ไปยื่นอุทธรณ์ไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ ทอท.ควบคุมไม่ได้