พิษณุโลก - ทั้งหน่วยงานรัฐ และผู้ใจบุญทั่วไปที่ทราบข่าวแห่ช่วย “ด.ญ.ลำดวน-นร.ป.3 ร.ร.นิคมบางระกำ 8” หลัง “ครูเปิ้ล” โพสต์เฟซฯ บอกแร้นแค้นหนัก ต้องอดมื้อกินมื้ออยู่กับปู่วัย 73-น้อง 4 ขวบ ล่าสุดคนใจบุญเสนอปลดหนี้เถ้าแก่ไร่อ้อยให้แล้ว
วันนี้ (25 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีการนำเสนอข่าวกรณี “ครูเปิ้ล-นางวราภรณ์ จันพรหมมิน ครูที่โรงเรียนนิคมบางระกำ 8 (หนองปลวก) ม.11 ต.หนองกุลา อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Waraporn Apple Chanprommin เกี่ยวกับเด็กหญิงลำดวน กิจคม อายุ 9 ขวบ นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนนิคมบางระกำ 8 (หนองปลวก) อ.บางระกำ ซึ่งต้องอาศัยอยู่กับปู่ วัย 73 ปี กับน้องชายวัย 4 ขวบ ในแคมป์คนงานตัดอ้อย เนื่องจากปู่ต้องทำงานใช้หนี้ อยู่ในสภาพอดมื้อกินมื้อ
ต่อมาทางกาชาดจังหวัดพิษณุโลก, บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพิษณุโลก, สถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (บ้านสองแคว) และนิคมบางระกำ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ มอบเงิน และเครื่องอุปโภคบริโภค ช่วยเหลือครอบครัวของเด็กหญิงลำดวน
ล่าสุดหลังจากเตรียมข้าวไข่เจียวให้กับปู่ และน้องชายในช่วงเช้าแล้ว เด็กหญิงลำดวน กิจคม พร้อม ด.ช.ธนวัฒน์ กิจคม น้องชาย ยังคงมาเรียนที่โรงเรียนนิคมบางระกำ 8 (หนองปลวก) อ.บางระกำ ตามปกติ
ด้านครูเปิ้ล-นางวราภรณ์ จันพรหมมิน ครูโรงเรียนนิคมบางระกำ 8 (หนองปลวก) เปิดเผยว่า หลังจากที่กระแสข่าวออกไปเริ่มมีการช่วยเหลือเข้ามามาก แรกๆ ตั้งใจเพียงรับความช่วยเหลือเป็นเสื้อผ้า รองเท้านักเรียนให้แก่เด็ก รวมทั้งอาหารแห้งเพื่อให้เด็กได้รับประทานอาหารเพียงพอเมื่ออยู่ที่แคมป์คนงาน
แต่เมื่อมีผู้ประสงค์จะช่วยเหลือเรื่องทุนการศึกษา จึงตัดสินใจพาเด็กหญิงลำดวนไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาหนองกุลา เลขบัญชี 020132916699 ชื่อ ด.ญ.ลำดวน กิจคม ไว้ ซึ่งเงินที่เข้ามาก็จะเป็นทุนการศึกษาสำหรับเด็กหญิงลำดวน กับ ด.ช.ธนวัฒน์ ต่อไป
ส่วนเรื่องหนี้สินของคุณปู่ของเด็กทั้ง 2 คนนั้นได้รับการติดต่อเข้ามาว่าจะมีผู้ใจบุญช่วยเหลือปลดหนี้ให้สัปดาห์หน้า นอกจากนี้ยังมีผู้ใจบุญมอบเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้านักเรียนให้แก่เด็กทั้งสองคนด้วย
ขณะที่นายสมิง กิจคม อายุ 73 ปี ผู้เป็นปู่ วันนี้ไม่ได้ไปตัดอ้อย โดยพักผ่อนอยู่ภายในแคมป์คนงานที่เป็นบ้านพักของเด็กหญิงลำดวน และผู้ที่ทราบเรื่องนำข้าวสาร-เครื่องอุปโภคบริโภคมาให้ด้วย
นายสมิงกล่าวว่า ทุกวันนี้ก็อาศัยอยู่กับหลานรวม 3 คน หลังจากที่พ่อแม่เด็กแยกทางกันแล้วไปมีครอบครัวใหม่เลยทิ้งหลานไว้ แรกๆ ก็ส่งเงินเพียงเล็กน้อยไม่กี่พันบาท จากนั้นก็เงียบหาย จำเป็นต้องเลี้ยงกันมาตามมีตามเกิด รายได้ก็มาจากการรับจ้างตัดอ้อยประมาณวันละ 200 บาท ถ้าหมดช่วงตัดอ้อยก็อาศัยเงินเบี้ยยังชีพประทังชีวิต ก็พอกินพออยู่
นายสมิงยังบอกด้วยสีหน้าตื้นตันใจ หลังรู้ว่าจะมีคนใจบุญมาช่วยชำระหนี้เถ้าแก่ไร่อ้อยจำนวน 4 หมื่นบาท ว่า รู้สึกซึ้งในน้ำใจของคนไทยที่ช่วยเหลือ และขอขอบคุณที่ช่วยตนกับหลาน ไม่รู้จะเอ่ยเป็นคำพูดอะไร
ถามว่าหนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ปู่สมิงบอกว่า ลูกชายตนที่ทำอาชีพไร่อ้อยก่อนหนีไปมีครอบครัวใหม่ได้กู้เงินจากนายทุนชาวไร่อ้อยมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จนกระทั่งหนี้สินพอกพูนมากถึงสี่หมื่นบาท ตนเลยต้องแบกรับภาระหนี้สิน ต้องทำงานใช้หนี้จนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งต้องมารับเลี้ยงหลานอีก ทำให้ชีวิตยากลำบาก แต่ก็ต้องดูแลกันไป