ศูนย์ข่าวศรีราชา- ตลาดน้ำ 4 ภาคพัทยา สั่งปิดถาวร ร้านขายม้าน้ำย่าง เหตุทำเสียภาพลักษณ์ท่องเที่ยว ขณะที่เจ้าตัวเผยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ด้านกรมประมง ระบุ ซื้อขายในประเทศไม่มีความผิด เพราะกฎหมายยังไม่คุ้มครอง แต่มีข้ออนุสัญญาการค้าระหว่างประเทศ ห้ามนำเข้า-ส่งออกสัตว์ป่าและพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ หรือ “ไซเตส” เตรียมขยายผลแหล่งที่มาว่ามีการขออนุญาตนำเข้าถูกต้องหรือไม่
จากกรณีที่มีการรายงานว่า มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวตลาดน้ำ 4 ภาคพัทยา จ.ชลบุรี ได้เก็บภาพแล้วเผยแพร่กรณีที่มีร้านค้าขายอาหารจำพวกปลาหมึกย่าง และอาหารทะเลย่างแห่งหนึ่งภายในตลาดน้ำ ได้นำ “ม้าน้ำ” มาเสียบไม้ย่างขายแก่นักท่องเที่ยว โดยมีการจำหน่ายในราคาไม้ละ 150 บาท ซึ่งพบว่ามีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจ และถ่ายรูปจำนวนมาก
สอบถามเจ้าของร้าน พบว่า เป็นม้าน้ำจริงที่นำมาย่างขายให้แก่กลุ่มที่นิยมบริโภค ที่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนจีน และมีบางส่วนเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจเช่นกัน แต่พบว่า กรณีดังกล่าวมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลอย่างมาก เนื่องจากมองว่า “ม้าน้ำ” เป็นสัตว์ทะเลที่หายาก และใกล้สูญพันธุ์ แม้จะไม่มีกฎหมายคุ้มครองในประเทศก็ตาม
ล่าสุด วันนี้ (23 ม.ค.) ที่ตลาดน้ำ 4 ภาคเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายวิชัย ธเนศานุรักษ์ อายุ 56 ปี ผู้จัดการทั่วไปตลาดน้ำฯ พร้อมด้วย นางไพศรี วรวงศ์ อายุ 54 ปี ผู้ประกอบการที่จำหน่าย “ม้าน้ำย่าง” รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากกรมประมง และกรมป่าไม้ จัดแถลงข่าวชี้แจงเกี่ยวกับข้อกฎหมาย มาตรการต่อผู้ประกอบการในกรณีที่เกิดขึ้นแก่สื่อมวลชนจากแขนงต่างๆ ที่เข้าร่วมฟังการชี้แจงอย่างคับคั่ง
นายวิชัย กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นความผิดพลาดในแง่มุมของการตรวจสอบสินค้าของทางตลาดน้ำฯ เอง เพราะปัจจุบันมีผู้ประกอบการอยู่ในโครงการกว่า 400-500 ราย ที่มีสินค้ามาวางจำหน่ายหลากหลายชนิด และเป็นจำนวนมาก จึงอาจหลุดลอดสายตาไปบ้าง ซึ่งก็ต้องขอโทษสังคมต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดน้ำ 4 ภาคพัทยา เป็นตลาดที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเดินทางมาพักผ่อนเป็นจำนวนมาก ผู้ประกอบจึงมักแสวงหาสินค้าที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มาจำหน่าย กระทั่งมาเกิดปัญหาขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากมาตรการของตลาด จึงได้สั่งให้ผู้ประกอบการรายนี้ยกเลิกการจำหน่ายสินค้าต้องห้าม และสั่งปิดกิจการทันที เนื่องจากมองว่าส่งผลกระทบต่อความรู้สึก และภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว และจากนี้ทางตลาดน้ำฯจะเพิ่มมาตรการ และความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าในโครงการต่อไป
ด้าน นางไพศรี วรวงศ์ แม่ค้าระบุว่า เปิดคีออสก์จำหน่ายปลาหมึก และอาหารซีฟูดย่างให้แก่นักท่องเที่ยวภายในตลาด ต่อมา มีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาถามหา “ม้าน้ำ” หลายราย โดยบอกว่าเป็น “ยาบำรุงกำลัง” จึงให้หลานไปติดต่อหาซื้อมาจำหน่าย โดยได้ไปซื้อที่ร้านขายยาในย่านเยาวราช กรุงเทพฯ ในราคาตัวละ 80 บาท ครั้งละ 20-30 ตัว จากนั้นก็นำมาเสียบไม่ย่างขายในราคา 150 บาทต่อ 1 ตัว
โดยตนขายมาได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ขายดีอะไรมากนัก เพราะส่วนใหญ่จะมีเพียงนักท่องเที่ยวมาขอถ่ายรูป และซื้อไปทดลองกินวันละ 1-2 ตัวเท่านั้น โดยที่ทำไปก็เพราะ “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” ซึ่งต้องขอโทษสังคมด้วย และจากนี้ก็จะเดินทางกลับไปอยู่ที่ภูมิลำเนาที่ จ.ร้อยเอ็ด ต่อไป
นายพงษ์ศิริ ประสพสุข นักวิชาการประมงชำนาญการ ด้านตรวจสัตว์น้ำ จ.ชลบุรี กองควบคุมการค้าสัตว์น้ำและปัจจัยการผลิต กรมประมง กล่าวว่า สำหรับม้าน้ำในประเทศไทยมีอยู่ 5 สายพันธุ์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายคุ้มครอง หรือมีบทกำหนดโทษความผิดในการจำหน่าย จะมีเพียงอนุสัญญาด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์น้ำและพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ หรือ “ไซเตส” ซึ่งจะห้ามนำเข้า หรือส่งออกโดยไม่ได้อนุญาตเท่านั้น
โดยปกติ “ม้าน้ำ” จะเป็นผลพลอยได้จากการทำประมง โดยเมื่อได้ตัวขึ้นมาเป็นจำนวนมากก็จะนำมาตากแห้ง และรวมเพื่อส่งออกจำหน่ายคราวละมากๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฮ่องกง ที่มีความนิยม เนื่องจากเชื่อกันว่ามีผลเป็น “ยาโด๊ป” หรือ “ยาบำรุงกำลัง” โดยในกรณีที่เกิดขึ้นนี้ในส่วนของ นางไพศรี คงไม่เข้าข่ายการกระทำความผิด แต่จะมีการประสานไปยังส่วนงานที่รับผิดชอบเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มา หรือร้านขายยาที่ นางไพศรี ระบุว่า มีการขออนุญาตหรือแหล่งที่มาอย่างไรเท่านั้น ซึ่งหากพบว่าไม่ถูกต้องก็จะมีมาตรการดำเนินการต่อไป