xs
xsm
sm
md
lg

ผู้การฯ กาฬสินธุ์ลงพื้นที่พบปะชาวบ้านเหยื่อสหกรณ์ฯ โรงเรียนเถื่อน ชี้ผิดทั้งแพ่ง-อาญา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กาฬสินธุ์ - ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ลงพื้นที่สอบปากคำชาวบ้าน อ.ห้วยเม็ก ที่อ้างว่าถูกกลุ่มบุคคลที่เป็นอดีตผู้อำนวยการและอดีตครูจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในโรงเรียนคำมันปลาผดุงวิทย์ ชักชวนให้ระดมเงินฝากมานาน 20 ปี ก่อนที่จะยกชุดลาออกและเชิดเงิน 10 ล้านบาทหนี กำชับเจ้าหน้าที่ให้เร่งออกหมายเรียกติดตามผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำ หากเกิน 15 วันไม่มาตามนัดให้ออกหมายจับทันที

จากกรณีผู้ปกครองนักเรียนและศิษย์เก่า โรงเรียนคำมันปลาผดุงวิทย์ อ.ห้วยเม็ก ได้รวมตัวเข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอห้วยเม็ก ว่าถูกอดีตผู้บริหารและอดีตครู ในฐานะคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ในโรงเรียน ยักยอกเงินจำนวนกว่า 10 ล้านบาท และเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยเม็ก ขณะที่สำนักงานสหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้เข้าตรวจสอบและพบว่าเป็นสหกรณ์เถื่อน ก่อนเข้าแจ้งความเอาผิดประธานสหกรณ์ฯ ฐานแอบอ้างจัดตั้งสหกรณ์ในโรงเรียน ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ (21 ม.ค.) ที่ สภ.ห้วยเม็ก พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้ลงพื้นที่สอบปากคำชาวบ้าน และติดตามการทำสำนวนของพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง กับ พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ ยุทธศรี รอง ผกก.สส.สภ.ห้วยเม็ก และ ร.ต.ท.อัศวิน หงษ์โยธี พนักงานสอบสวน โดยกำชับให้เร่งออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำโดยเร็ว

พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการที่ได้ดูเรื่องแจ้งความร้องทุกข์ของชาวบ้านคำมันปลา ต.คำเหมือดแก้ว ที่พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยเม็กได้ลงบันทึกประจำวันไว้ และตามที่สอบปากคำชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ซึ่งได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมอีกจาก 56 รายเป็น 59 ราย ทราบว่าเบื้องต้นคณะกรรมการสหกรณ์ฯ ที่เป็นอดีตผู้อำนวยการและอดีตคณะครูโรงเรียนดังกล่าวได้เชิญชวนเด็กนักเรียนนำเงินมาฝากสะสม ในระยะต่อมาเมื่อมีจำนวนเงินมากขึ้นจึงมีการชักชวนให้ผู้ปกครองนำเงินมาฝากเพื่อระดมทุนปล่อยกู้ด้วย ก่อนที่จะเกิดปัญหาเชิดเงินหนีไป


พฤติการณ์ในลักษณะดังกล่าวจึงเข้าข่ายความผิดฐานยักยอกทรัพย์และฉ้อโกงประชาชน ซึ่งได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งติดตามกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันก่อตั้งเป็นคณะกรรมการสหกรณ์ฯ ที่ทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ 7 คน จากจำนวน 9 คน (เสียชีวิต 2 ราย) มาสอบปากคำ โดยออกหมายเรียก หากพฤติกรรมหลบเลี่ยง เกิน 15 วันไม่มาตามนัด ให้ออกหมายจับได้เลย

“ไม่หนักใจในการทำสำนวนของเจ้าหน้าที่ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือจะทำอย่างไรชาวบ้านผู้เสียหายจะได้เงินที่ฝากไว้กับสหกรณ์ดังกล่าวกลับคืน เพราะเท่าที่ทราบเสียหายไม่ใช่น้อยๆ คนละหลายหมื่นบาท ฝากสะสมมาตั้งแต่ปี 2539” พล.ต.ต.มนตรีกล่าว และว่า

ได้กำชับพนักงานสอบสวนให้เร่งติดตามตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ติดตามเส้นทางการเงินของสหกรณ์ฯ ว่ามีการเบิกจ่ายอย่างไร นำไปฝากที่ธนาคารไหน หรือปล่อยกู้ให้ใครบ้าง เพราะหลักฐานที่ได้จากชาวบ้านนั้นเป็นเพียงสมุดฝากเงินออมทรัพย์เฉพาะราย ที่สรุปให้เห็นตัวเลขแต่ละรอบปีเท่านั้น ไม่ชัดเจนพอที่จะสืบสาวไปถึงสารบบบัญชีการเงินของสหกรณ์ฯ ได้

สำหรับกุญแจดอกสำคัญในการไขปัญหานี้คือ สมุดคุมบัญชี นั้นอยู่ไหน กรรมการสหกรณ์ฯ คนใดเก็บไว้ พนักงานสอบสวนต้องเร่งติดตาม เพราะอาจจะมีการทำลายหลักฐานได้ เชื่อว่าคดีนี้จะคลี่คลายหากตำรวจท้องที่สามารถออกหมายเรียกกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นคณะกรรมการสหกรณ์ฯ มาสอบปากคำและไกล่เกลี่ยกับชาวบ้านผู้เสียหาย

ส่วนที่ว่าจะได้เงินคืนหรือไม่ ก็จะต้องมีการพูดคุยตกลงของทั้งสองฝ่าย หรืออาจจะต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะหากเข้าข่ายฐานยักยอกและฉ้อโกง มีความผิดทั้งทางแพ่ง และอาญา



กำลังโหลดความคิดเห็น