xs
xsm
sm
md
lg

อัยการค้าน กก.สหกรณ์ยูเนี่ยนฯ ถอนฟ้อง “ศุภชัย” อาจกระทบคดีฉ้อโกง-ฟอกเงินเจ๊งหมื่นล้าน (มีคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - กรรมการสหกรณ์คลองจั่นถอนฟ้อง “เสี่ยศุภชัย” อดีตประธานยูเนี่ยน โกงเงิน 22 ล้าน ขณะที่อัยการและตัวแทนกรมส่งเสริมสหกรณ์คัดค้านเพราะอาจกระทบคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน มูลค่าความเสีบหายนับหมื่นล้าน ส่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต่อไป



วันนี้ (21 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบถามโจทก์และผู้เสียหายคดีหมายเลขดำที่ อ.1739/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 60 ปี อดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เป็นจำเลยในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ผู้อื่น และจัดการทรัพย์สินผู้อื่นโดยทุจริตในฐานะเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 และ 354

คดีนี้ อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2558 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2556 สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด จัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2555 และที่ประชุมมีมติเลือกนายศุภชัย จำเลย เป็นประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ชุดที่ 29 อยู่ในตำแหน่ง 2 ปี ต่อมานายทะเบียนสหกรณ์ได้ตรวจสอบพบว่า การเรียกประชุมใหญ่ไม่เป็นไปตามข้อบังคับ และกฎหมาย นายทะเบียน จึงมีหนังสือลงวันที่ 23 เม.ย. 2556 ไม่รับรองตำแหน่งประธานกรรมการจากการประชุมดังกล่าว ต่อมาสหกรณ์ยูเนี่ยนฯ ได้ประชุมใหญ่วิสามัญและมีมติให้การรับรองนายศุภชัย จำเลย เป็นประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์อีกครั้ง และยังเปิดประชุมคณะกรรมการดำเนินการชุดที่ 2 สมัยสามัญ ครั้งที่ 1/2556 และมีมติแต่งตั้งนายศุภชัย จำเลย ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการสหกรณ์ฯ อีกตำแหน่งด้วย กระทั่งวันที่ 10 เม.ย. - 8 ต.ค. 2556 จำเลย ซึ่งเป็นประธานกรรมการสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่นฯ ได้กระทำการทุจริต โดยให้เจ้าหน้าที่บัญชีเบิกเงินสดของสหกรณ์ ผู้เสียหาย หลายครั้งหลายหนรวม 8 ครั้งๆละระหว่าง 184,000-6 ล้านบาท รวม 22,132,000 บาทเข้าบัญชีของจำเลย หรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต เหตุเกิดที่ทำการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. ซึ่งจำเลยแถลงให้การปฏิเสธแต่กลับคำให้การรับสารภาพในภายหลัง

โดยศาลพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดจริง ฐานเป็นผู้จัดการทรัพย์สิน ซึ่งได้กระทำหน้าที่โดยทุจริตและยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก, 353, 354 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันรวม 8 กระทง จำคุกกระทงละระหว่าง 3-5 ปี รวมจำคุก 32 ปี แต่ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 16 ปี พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วนับเป็นเรื่องร้ายแรง โทษจำคุกจึงไม่มีเหตุให้รอลงอาญา

ต่อมานายศุภชัย จำเลยยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2559 อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่มีการอุทธรณ์คดี ปรากฏว่านายศุภชัย จำเลยได้นำเงิน 34,752,150 บาทมาชดใช้เป็นค่าเสียหายให้แก่สหกรณ์ฯ โดยสหกรณ์ในฐานะผู้เสียหายจึงได้ยื่นคำร้องเพื่อขอถอนฟ้องคดี ศาลอุทธรณ์จึงมีคำสั่งให้ศาลอาญาสอบถามข้อเท็จจริงจากคู่ความที่ได้นัดสอบถามกันในวันนี้

โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ได้เบิกตัวนายศุภชัยมาจากเรือนกลางบางขาง ขณะที่อัยการโจทก์ ตัวแทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ ประธานชมรมฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นก้าวหน้าและสมาชิกสหกรณ์ฯ 3-4 คน ผู้บริหารแผนฟื้นฟูและกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น พร้อมทนายความจำเลยต่างเดินทางมาศาล

เมื่อถึงเวลานัด ศาลได้สอบถามอัยการโจทก์ ตัวแทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นแล้ว โดยนางจรัญญา พงษ์สุทธิรักษ์ และนายวีรยุทธ รุจิเรข กรรมการสหรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น แถลงขอถอนฟ้องคดีตามมติที่ประชุมกรรมกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ขณะที่อัยการโจทก์และตัวแทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้แถลงคัดค้าน เนื่องจากทำให้สหกรณ์และสมาชิกได้รับความเสียหาย จากนั้นศาลจึงมีคำสั่งให้ส่งสำนวนและข้อเท็จจริงที่ทุกฝ่ายแถลงกลับให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป

ภายหลังนายธนิต จันทร์ประทีป ตัวแทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ได้แถลงคัดค้านการถอนฟ้อง นอกจากนี้เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2559 ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์มีคำสั่งระงับมติของคณะกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่มีมติถอนฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ผู้ต้องหาในคดียักยอกทรัพย์ สำนวนแรก ซึ่งเป็นอำนาจของนายทะเบียนที่กำกับดูแลสหกรณ์ ตาม พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ. 2542 มาตรา 16 (5) โดยระบุว่า สามารถสั่งให้ระงับการดำเนินงานทั้งหมดหรือบางส่วนของสหกรณ์ หรือให้เลิกสหกรณ์ ถ้าเห็นว่าสหกรณ์กระทำการ หรืองดเว้น กระทำการอันอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่สหกรณ์หรือสมาชิก ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ต่อไป

ด้านนายวันชัย บุนนาค ทนายความนายศุภชัย เปิดเผยว่า ตนได้แจ้งให้ศาลทราบว่า เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2559 ได้รับมอบอำนาจจากนายศุภชัย ไปชี้แจงต่อที่ประชุมสหกรณ์ในการนำเงิน 34 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย ไปชดใช้คืนแก่สหกรณ์ฯ ผู้เสียหาย โดยมีรายงานการประชุมของสหกรณ์มาแสดงต่อศาลว่า สหกรณ์มีการรับเงินที่เป็นแคชเชียร์เช็คหลายฉบับไปแล้ว และการประชุมมีทั้งผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ 5 คน และกรรมการร่วมประชุมครบองค์ประชุมเซ็นรับทราบ ขณะที่ก่อนจะนำเงินชดใช้ได้ให้สหกรณ์นำแคชเชียร์ ที่รวบรวมมาได้หลายฉบับไปตรวจสอบด้วยว่าเป็นของจริงหรือไม่ซึ่งสหกรณ์ฯตรวจสอบแล้ว โดยความผิดยักยอกทรัพย์นี้เป็นคดียอมความได้ ดังนั้น เมื่อสหกรณ์ฯ ในฐานะผู้เสียหาย มีมติที่ประชุมรับทราบเป็นทางการและรับเงินไปแล้วตั้งแต่ ธ.ค.2559 ที่ผ่านมา จึงต้องดำเนินการตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 วรรคสอง และ 39 (2) ระบุว่า คำร้องขอถอนฟ้องหรือยอมความคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวนั้น จะยื่นเวลาใดก็ได้แต่ต้องก่อนคดีถึงที่สุด โดยสิทธินำคดีอาญาต่อความผิดส่วนตัวมาฟ้องนั้นจะระงับไปเมื่อได้ถอนคำร้องทุกข์ หรือถอนฟ้อง หรือยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว โดยคดีนี้ได้ชดใช้เงินไปแล้ว 27 ล้านบาท

ขณะที่นายธรรมนูญ อัตโชติ ประธานชมรมฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นก้าวหน้า กล่าวว่า วันนี้ได้ขอให้อัยการและกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ คัดค้านเรื่องนี้ เนื่องจากนายศุภชัยยังมีคดีอีกหลายคดีซึ่งให้การภาคเสธอยู่ เช่น คดีฉ้อโกงประชาชนและคดีฟอกเงิน ซึ่งแม้ขณะนี้ได้อายัดตัวอยู่ทั้งสองคดี แต่เกรงว่าหากถอนคดีไปแล้วก็ต้องมีหมายปล่อย แล้วถ้านายศุภชัยขอประกันและได้ปล่อยตัว อนาคตอัยการ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะอายัดตัวไม่ทันซึ่งหากหลบหนีไปก็จะสร้างความเสียหาย เพราะคดีอีกสองคดีมีมูลค่าทรัพย์สินนับหมื่นล้านบาท

เมื่อถามถึงเงินที่นายศุภชัยได้ชดใช้แล้ว และความคืบหน้าของแผนฟื้นฟูสหกรณ์ นายธรรมนูญ กล่าวว่า เงินที่ได้รับมูลค่า 27 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยประมาณ 34 ล้านบาท โดยกฎหมายทั่วไปเมื่อโจทก์จำเลยไม่เอาความต่อกัน เป็นคดีธรรมดาถอนฟ้องได้ แต่กรณีนี้ถ้าถอนฟ้องไปแล้วได้เงินคืนมาเพียง 34 ล้านบาท แต่ยังมีคดีพัวพันคดีอื่นๆ อีกเป็นหมื่นล้านบาท สหกรณ์เครดิตฯผู้เสียหายต้องตระหนักให้มากกว่านี้ ส่วนแผนฟื้นฟูนั้น หลังจากที่ศาลอนุมัติแผนมาแล้ว ฝ่ายผู้บริหารแผนจ่ายแล้ว 2 งวด งวดละประมาณกว่า 10% เชื่อว่าการจ่ายงวดที่ 3 และงวดต่อๆ ไปให้กับสมาชิกจะมีปัญหา เนื่องจากขณะนี้ไม่มีเม็ดเงิน อาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการล้มละลายของสหกรณ์ได้ เราสมาชิกต้องการได้เงินทั้งหมดในคดีฟอกเงินและคดีอื่นๆ ทั้งหมดด้วย ส่วนที่เหลือก็ตกเป็นของแผ่นดิน





กำลังโหลดความคิดเห็น