สุรินทร์ - คืบหน้าฝรั่งโหดจ้วงฆ่า 2 แม่ลูกชาวเมืองช้างดับคาบ้าน ล่าสุด ยังนอนรักษาตัวอยู่ รพ. ด้าน ตร.ออกหมายจับข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา พร้อมส่งตรวจดีเอ็นเอ ขณะชาวบ้านผวาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนแฟนสาวเปิดใจ เผยคบหาได้แค่ 2 เดือน ชี้สาเหตุคาดหึงหวงหลังพยายามตีตัวออกห่าง พร้อมปฏิเสธช่วยเหลือหลบซ่อนอยู่เมืองไทยหลังวีซ่าหมดอายุ ไม่ยอมไปต่อ รวมทั้งโกรธแค้นที่บล็อกการติดต่อทั้งหมด
วันนี้ (21 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุฝรั่งชาวฮอลแลนด์ บุกถึงบ้านแฟนสาว หวังทวงถามถึงความสัมพันธ์ที่เริ่มห่างเหิน และทรัพย์สินที่ให้มา แต่พบเพียงแม่ กับน้องชายของแฟนสาวอยู่ที่บ้าน เกิดมีปากเสียงทะเลาะกัน ฝรั่งใช้มีดพกสั่งจ้วงแทงแม่ กับน้องชายของแฟนสาวหลายสิบแผลเสียชีวิตคาบ้าน ทั้ง 2 ราย คือ นางน้อย สะดมสุข อายุ 57 ปี เจ้าของบ้าน และนายพัชรินทร์ สะดมสุข อายุ 30 ปี ลูกชาย ขณะที่ฝรั่งได้รับบาดเจ็บหนีไป พลเมืองดีพบนำส่งโรงพยาบาล ตำรวจอายัดตัวเป็นผู้ต้องหาไว้ดำเนินคดี เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 13 บ้านโคกเมือง ต.สวาย อ.เมืองสุรินทร์ เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 13 บ้านโคกเมือง ต.สวาย อ.เมืองจ.สุรินทร์ ที่เกิดเหตุพบว่า ญาติได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลสองแม่ลูกในบ้านที่เกิดเหตุ โดยมีบรรดาญาติพี่น้องและชาวบ้านได้มาช่วยงานต่อเนื่อง ท่ามกลางบรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าโศก ซึ่งชาวบ้านส่วนมากยังคงหวาดผวาต่อเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้น
ส่วนการดำเนินคดีต่อคนร้ายที่ก่อเหตุนั้น พ.ต.ท.เชษฏฐสุชา ไกรแก้วโชติรัตน์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.สวาย ต.สวาย อ.เมืองสุรินทร์ เจ้าของคดี ได้เรียกสอบพยานแล้วนับ 10 ปาก พร้อมทั้งสอบปากคำ น.ส.จิระชญา สะดมสุข อายุ 35 ปี แฟนสาวที่เคยคบหากับ นายรินี ชาวฮอลแลนด์ ผู้ที่ก่อเหตุ และกำลังส่งคราบเลือดในที่เกิดเหตุ และติดอยู่กับเสื้อผ้าของ นายรินี ไปตรวจดีเอ็นเอ ที่ จ.นครราชสีมา เพื่อยืนยันความชัดเจน คาดว่าจะทราบผลไม่เกิน 30 วัน และศาลได้อนุมัติหมายจับ นาย รินี ในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาแล้ว ในขณะที่เจ้าตัวยังนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุรินทร์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยควบคุมตัวอย่างใกล้ชิด
พ.ต.ท.เชษฏฐสุชา เปิดเผยว่า ในขณะนี้ได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสะพายเป็นเป้สีดำ ภายในเป้มีอุปกรณ์พวกมือถือเป็นของผู้ต้องสงสัย หรือผู้ต้องหาที่กำลังดำเนินคดีอยู่ในขณะนี้ ซึ่งมีภาพถ่ายที่ติดต่อกับลูกสาวผู้ตาย และมีรองเท้าที่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ขณะเข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองสุรินทร์ จึงได้นำภาพรองเท้ามาเชื่อมโยงกับที่พบในที่เกิดเหตุพบว่า เป็นอันเดียวกัน และมีพยานให้การเป็นประโยชน์หลายคน เช่น มีคนเห็นฝรั่งได้รับบาดเจ็บเดินไปตามถนนมีเลือดไหล มีคนพบเข้ามาหาข้อมูลก่อนก่อเหตุประมาณ 3 วัน พร้อมสอบถามว่า ที่นี้ที่ไหน บ้านอะไร และมีพยานพบเห็นขณะรถจักรยานยนต์ล้ม และมีบาดแผลที่ข้อมือ ซึ่งเป็นบาดแผลที่ไม่เกี่ยวข้องต่ออุบัติเหตุที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างมา แต่เป็นบาดแผลที่เกิดจากของมีคม ซึ่งได้มีการสอบปากคำพยานไปแล้วประมาณ 10 ปาก
ส่วนผู้ต้องหานั้น ศาลได้อนุมัติออกหมายจับแล้ว และทำการจับกุมผู้ต้องที่โรงพยาบาลสุรินทร์ เนื่องจากผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บจากการถูกคมมีดที่ข้อมือซ้ายเสียเลือดมาก จนทำให้ต้องพักรักษาตัว ซึ่งมีเจ้าหนาที่ตำรวจคอยควบคุมดูแลอยู่ตลอดเวลา
สำหรบสาเหตุ หรือแรงจูงใจในเบื้องต้น อดีตแฟนที่คบหากันเป็นลูกสาวของผู้ตาย และเป็นพี่สาวของผู้ตายอีกคน ซึ่งเคยคบกัน และตอนนี้มาตีจากกัน ซึ่งเป็นเรื่องของทั้ง 2 คน ฝ่ายชายน่าจะตามมาตื๊อ และง้อ เลยตามมาที่บ้านด้วยการสืบหาที่อยู่ด้วยตัวเอง ส่วนที่ลงมือยังไม่ทราบแน่ชัด และยังไม่ได้สอบปากคำผู้ต้องหา ส่วนประวัติอาชญากรรมยังไม่มีข้อมูล เพราะเป็นชาวต่างชาติ และในขณะนี้ ได้ตั้งข้อหาในเบื้องต้นฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและจะมีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ด้วย เพราะวีซ่าหมดอายุตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา
ทางด้านแฟนสาวฝรั่งผู้ก่อเหตุ อายุ 33 ปี (เจ้าตัวไม่ต้องการเปิดเผยชื่อและใบหน้า) ลูกสาวผู้ตาย และพี่สาวผู้ตายอีกคน ที่คบหากับ นายรินี บอกว่า ตน และ นายรินี เพิ่งได้คบหากันเพียง 2 เดือน โดยเจอกันที่กรุงเทพมหานคร ในบาร์แห่งหนึ่งจึงติดต่อกันเรื่อยมา โดย นายรีนี ได้เอาบัตรประชาชนของตนไปขณะฝากไว้ที่ล็อบบี้ห้องพัก เพื่อดูที่อยู่ตามบัตรประชาชน
ที่ผ่านมา นายรินี บอกว่าอยากจะอยู่กับตน แต่วีซ่าขาด และไม่อยากกลับประเทศ แล้วต้องการให้ตนหาที่หลบซ่อนให้ และจะมาอยู่ที่สุรินทร์กับตนด้วย ตนเลยปัดปฏิเสธไปว่าอยู่ไม่ได้เพราะรู้จักกันแค่ 2 เดือน และผิดกฎหมายด้วย เพราะวีซ่าขาด ซึ่ง นายรินี บอกว่าไม่เป็นไร ถ้าตนไม่บอกเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีใครรู้
เท่าที่รู้จัก นายรินี เป็นชาวฮอลแลนด์ เป็นนักท่องเที่ยว และมีแฟนคนก่อน อยู่ที่ จ.จันทบุรี โดยในปีนี้เข้ามาเมืองไทยประมาณ 3 ครั้ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีลางบอกเหตุอะไร โดย นายรินี พยายามให้ตนช่วยเหลือ และหางานให้ทำ เพราะจะอยู่กับตน และไม่กลับไปประเทศฮอลแลนด์ ซึ่งมีเมียเก่าอยู่ที่ประเทศฮอลแลนด์ด้วย และมีปัญหาเยอะมาก ซึ่งหากเขาไม่กลับประเทศ แต่มาอยู่กับเราทั้งที่วีซ่าหมดหากตำรวจรู้เราก็ผิดกฎหมายด้วย อีกทั้งกลัวว่า นายรินี อาจทำผิดอะไรมาก็ได้ ถึงไม่ยอมกลับไปทำวีซ่า ตนจึงไม่กล้าช่วยเหลือ
ล่าสุด ที่คุยกันตนก็บล็อกเบอร์โทรศัพท์ และไลน์ทั้งหมด และเขาซื้อตั๋วกลับแล้วในวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ตอน 5 ทุ่ม ซึ่งตอนนั้นตนกลับมาที่บ้าน จ.สุรินทร์ แต่ นายรินี ก็ไม่กลับ จะมาสุรินทร์กับตน ตนปฏิเสธไป จากนั้นก็บล็อกเบอร์ และไม่ติดต่ออีกเลย และตนไม่ทราบว่า นายรินีจะมาที่สุรินทร์ ซึ่งก่อนเกิดเหตุน้องสาวโทรศัพท์มาบอกว่า มีชาวต่างประเทศมาวนเวียนหา และมีชาวต่างชาติไปถามหาบ้านเลขที่ตนจากไปรษณีย์ด้วย คิดว่าจะไปแค่วันเดียวกลับ อีกสัปดาห์หนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ขึ้น ส่วนสาเหตุนั้นคาดว่า น่าจะเกิดจากการหึงหวงตน และให้ตนรับผิดชอบชีวิตเขา รวมทั้งโกรธแค้นที่ตนบล็อกการติดต่อก็เป็นได้
สำหรับ นายรินี ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ขณะนี้ยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุรินทร์ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยควบคุมอย่างใกล้ชิด ซึ่งพนักงานสอบสวนยังไม่ได้สอบปากคำ เนื่องอยู่ในช่วงการรักษาตัวจากบาดแผลฉกรรจ์ที่ข้อมือซ้าย และเสียเลือดมาก