ชุมพร - พ่อแม่ “หมอปอ” ลั่นไม่กำหนดเผาวันเผาศพลูกสาว ต้องรอดูผลคดี เพราะยังข้องใจตำรวจไม่จับกิ๊กว่าที่เจ้าบ่าว ทั้งที่เป็นคนขับรถเก๋งของตัวเองไปส่ง และรับกลับหลังก่อเหตุ แถมยังพาหลบหนี เผยช่างเลือดเย็นฆ่าได้ลงคอ จากงานวิวาห์ กลายมาเป็นงานศพของตัวเอง
จากกรณี นายรณชัย ปานชาติ หรือเก่ง อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าอำเภอหลังสวน ว่าที่เจ้าบ่าว สวมหมวกไหมพรมอำพรางใช้ปืนลูกซองสั้นบุกยิง น.ส.นนทิญา ครัวจัตุรัส หรือปอ อายุ 25 ปี เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข รพ.สต.สลุย ว่าที่เจ้าสาวที่กำลังจะแต่งงานกันในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ ตายภายคาห้องนอนชั้น 2 บนบ้านพักข้าราชการ ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลสองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา ต่อมา ตำรวจจับกุมตัวอ้างไม่อยากแต่งงานด้วย เนื่องจากมีกิ๊กคนใหม่ทำงานอยู่ที่เดียวกัน ตามข่าวที่เสนอนั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ธ.ค.) ที่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 10 ตำบลทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศพศพ น.ส.มนทิญา ครัวจัตุรัส เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หมอปอ” ได้จัดให้มีพิธีทางศาสนาเป็นคืนแรก หลังจากนำศพกลับมาจากสถาบันนิติเวชสุราษฎร์ธานี โดยมีบรรดาญาติๆ ผู้นำท้องถิ่น และชาวบ้านมาร่วมงานกว่า 100 คน หลังพระสวดพระอภิธรรมศพ ญาติของผู้เสียชีวิตประกาศต่อหน้าแขกเหรื่อ ว่า ทางพ่อแม่ และญาติของ น.ส.นนทิญา ผู้ตาย จะบำเพ็ญกุศลศพไปอย่างไม่มีกำหนดเผา
เพื่อรอขอความเป็นธรรมให้แก่ผู้ตาย เนื่องจากคดียังไม่มีความชัดเจน ยังไม่มั่นใจการดำเนินคดีของตำรวจ และหากไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะนำศพไปประท้วงเรียกร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ขณะที่บรรดาญาติๆ และชาวบ้านต่างยกมือสนับสนุนเห็นดีด้วย
นายเชาว์ ครัวจัตุรัส อายุ 54 ปี นางสมศรี ครัวจัตุรัส อายุ 51 ปี พ่อแม่ของ น.ส.นนทิญา หรือ “หมอปอ” กล่าวว่า ครอบครัวตนยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นกิ๊กของ นายรณชัย หรือเก่ง ปานชาติ ว่าที่ลูกเขย ซึ่งมีพฤติกรรมร่วมกันกระทำความผิด รู้เห็นตั้งแต่เตรียมการ และยังเป็นคนขับรถเก๋งของตนเองไปส่ง และ รับนายรณชัย ก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ
รวมทั้งพาหลบหนี แล้วนำของกลางบางส่วนไปทิ้งลงลำคลอง เพราะนายรณชัย ไม่มีรถยนต์ และขับไม่ชำนาญ อีกทั้งตนรู้ดีว่า นายรณชัย เป็นคนหัวอ่อน จะต้องมีคนชักนำ หรือกดดันให้ก่อเหตุ ที่ผ่านมา นายรณชัย เข้าออกอาศัยอยู่ที่บ้านของตนเป็นประจำ ไม่เคยมีอาวุธปืนซึ่งจะต้องมีคนจัดหาให้ เพราะก่อนเกิดเหตุ น.ส.นนทิญา เคยมีปัญหาทะเลาะกับฝ่ายหญิงที่เป็นกิ๊กของนายรณชัย หลายครั้ง ทำให้มีความโกรธแค้นส่วนตัวกับลูกสาวของตนมาตลอด
จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีส่วนรู้เห็น และร่วมสนับสุนกระทำความผิดในครั้งนี้ และทรัพย์สินของลูกสาวตนจำนวนหนึ่งหายไป ทั้งเงินสินสอด 4 แสนบาท ทองคำ 10 บาท ที่ลูกสาวตนจัดเตรียมไว้ให้เจ้าบ่าว และยังมีทองคำส่วนตัวของลูกสาวตนอีก 5 บาท ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด และเงินในสมุดบัญชีที่ทั้งคู่ฝากร่วมกันอีก 6-7 แสนบาท ก็หายไปเช่นกัน
นายเชาว์ และนางสมศรี กล่าวต่อว่า การจัดงานแต่งงานลูกสาวตนจะเป็นผู้ดำเนินการ และออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ซึ่งก่อนตายยังบอกกับตนว่า ทุกอย่างได้จัดเตรียมไว้พร้อมทั้งหมดแล้ว ขณะที่ นายรณชัย ว่าที่ลูกเขย ทางลูกสาวตนจะคอยดูแลช่วยเหลือมาตลอด และพาไปสอบเข้าทำงาน เพราะเขามีฐานะไม่ค่อยดี ไม่มีรถยนต์ขับ ตนก็ให้รถจักรยานยนต์ไว้ใช้ขับทำงาน 1 คัน
ครอบครัวตนมีลูก 2 คน ผู้ตายเป็นลูกสาวคนสุดท้อง เรียนจบได้ทำงานรับราชการถือเป็นเสาหลักของครอบครัว ก่อนเกิดเหตุวันเสาร์ อาทิตย์ นายรณชัย ยังมานอนที่บ้านอยู่กับลูกสาวตน พอช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 18 ธ.ค. ยังรีดเสื้อผ้าชุดทำงานสีกากีให้ นายรณชัย ใส่ และยังขับรถเก๋งไปส่งที่สำนักงานการไฟฟ้าหลังสวน แล้วลูกสาวตนก็ขับต่อไปที่ทำงานที่ รพ.สต.สลุย
แต่ทำไมช่างเลือดเย็นใจร้ายอย่างนี้ พอตกกลางคืนให้กิ๊กขับรถเก๋งพาไปฆ่าลูกสาวตน ที่ดีแสนดีกับเขาจนตายอย่างโหดเหี้ยม จากงานวิวาห์ที่ได้เตรียมการไว้ทั้งหมดแล้วซึ่งเหลือเวลาอีก 5 วันเท่านั้น แต่ต้องกลับกลายมาเป็นงานศพของลูกสาวตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะทำใจ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีให้เป็นธรรม
จากกรณี นายรณชัย ปานชาติ หรือเก่ง อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าอำเภอหลังสวน ว่าที่เจ้าบ่าว สวมหมวกไหมพรมอำพรางใช้ปืนลูกซองสั้นบุกยิง น.ส.นนทิญา ครัวจัตุรัส หรือปอ อายุ 25 ปี เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข รพ.สต.สลุย ว่าที่เจ้าสาวที่กำลังจะแต่งงานกันในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ ตายภายคาห้องนอนชั้น 2 บนบ้านพักข้าราชการ ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลสองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา ต่อมา ตำรวจจับกุมตัวอ้างไม่อยากแต่งงานด้วย เนื่องจากมีกิ๊กคนใหม่ทำงานอยู่ที่เดียวกัน ตามข่าวที่เสนอนั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ธ.ค.) ที่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 10 ตำบลทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศพศพ น.ส.มนทิญา ครัวจัตุรัส เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หมอปอ” ได้จัดให้มีพิธีทางศาสนาเป็นคืนแรก หลังจากนำศพกลับมาจากสถาบันนิติเวชสุราษฎร์ธานี โดยมีบรรดาญาติๆ ผู้นำท้องถิ่น และชาวบ้านมาร่วมงานกว่า 100 คน หลังพระสวดพระอภิธรรมศพ ญาติของผู้เสียชีวิตประกาศต่อหน้าแขกเหรื่อ ว่า ทางพ่อแม่ และญาติของ น.ส.นนทิญา ผู้ตาย จะบำเพ็ญกุศลศพไปอย่างไม่มีกำหนดเผา
เพื่อรอขอความเป็นธรรมให้แก่ผู้ตาย เนื่องจากคดียังไม่มีความชัดเจน ยังไม่มั่นใจการดำเนินคดีของตำรวจ และหากไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะนำศพไปประท้วงเรียกร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ขณะที่บรรดาญาติๆ และชาวบ้านต่างยกมือสนับสนุนเห็นดีด้วย
นายเชาว์ ครัวจัตุรัส อายุ 54 ปี นางสมศรี ครัวจัตุรัส อายุ 51 ปี พ่อแม่ของ น.ส.นนทิญา หรือ “หมอปอ” กล่าวว่า ครอบครัวตนยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นกิ๊กของ นายรณชัย หรือเก่ง ปานชาติ ว่าที่ลูกเขย ซึ่งมีพฤติกรรมร่วมกันกระทำความผิด รู้เห็นตั้งแต่เตรียมการ และยังเป็นคนขับรถเก๋งของตนเองไปส่ง และ รับนายรณชัย ก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ
รวมทั้งพาหลบหนี แล้วนำของกลางบางส่วนไปทิ้งลงลำคลอง เพราะนายรณชัย ไม่มีรถยนต์ และขับไม่ชำนาญ อีกทั้งตนรู้ดีว่า นายรณชัย เป็นคนหัวอ่อน จะต้องมีคนชักนำ หรือกดดันให้ก่อเหตุ ที่ผ่านมา นายรณชัย เข้าออกอาศัยอยู่ที่บ้านของตนเป็นประจำ ไม่เคยมีอาวุธปืนซึ่งจะต้องมีคนจัดหาให้ เพราะก่อนเกิดเหตุ น.ส.นนทิญา เคยมีปัญหาทะเลาะกับฝ่ายหญิงที่เป็นกิ๊กของนายรณชัย หลายครั้ง ทำให้มีความโกรธแค้นส่วนตัวกับลูกสาวของตนมาตลอด
จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีส่วนรู้เห็น และร่วมสนับสุนกระทำความผิดในครั้งนี้ และทรัพย์สินของลูกสาวตนจำนวนหนึ่งหายไป ทั้งเงินสินสอด 4 แสนบาท ทองคำ 10 บาท ที่ลูกสาวตนจัดเตรียมไว้ให้เจ้าบ่าว และยังมีทองคำส่วนตัวของลูกสาวตนอีก 5 บาท ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด และเงินในสมุดบัญชีที่ทั้งคู่ฝากร่วมกันอีก 6-7 แสนบาท ก็หายไปเช่นกัน
นายเชาว์ และนางสมศรี กล่าวต่อว่า การจัดงานแต่งงานลูกสาวตนจะเป็นผู้ดำเนินการ และออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ซึ่งก่อนตายยังบอกกับตนว่า ทุกอย่างได้จัดเตรียมไว้พร้อมทั้งหมดแล้ว ขณะที่ นายรณชัย ว่าที่ลูกเขย ทางลูกสาวตนจะคอยดูแลช่วยเหลือมาตลอด และพาไปสอบเข้าทำงาน เพราะเขามีฐานะไม่ค่อยดี ไม่มีรถยนต์ขับ ตนก็ให้รถจักรยานยนต์ไว้ใช้ขับทำงาน 1 คัน
ครอบครัวตนมีลูก 2 คน ผู้ตายเป็นลูกสาวคนสุดท้อง เรียนจบได้ทำงานรับราชการถือเป็นเสาหลักของครอบครัว ก่อนเกิดเหตุวันเสาร์ อาทิตย์ นายรณชัย ยังมานอนที่บ้านอยู่กับลูกสาวตน พอช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 18 ธ.ค. ยังรีดเสื้อผ้าชุดทำงานสีกากีให้ นายรณชัย ใส่ และยังขับรถเก๋งไปส่งที่สำนักงานการไฟฟ้าหลังสวน แล้วลูกสาวตนก็ขับต่อไปที่ทำงานที่ รพ.สต.สลุย
แต่ทำไมช่างเลือดเย็นใจร้ายอย่างนี้ พอตกกลางคืนให้กิ๊กขับรถเก๋งพาไปฆ่าลูกสาวตน ที่ดีแสนดีกับเขาจนตายอย่างโหดเหี้ยม จากงานวิวาห์ที่ได้เตรียมการไว้ทั้งหมดแล้วซึ่งเหลือเวลาอีก 5 วันเท่านั้น แต่ต้องกลับกลายมาเป็นงานศพของลูกสาวตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะทำใจ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีให้เป็นธรรม