ชุมพร - “สาว”ลูกจ้าง กฟภ.หลังสวน โบ้ยไม่รู้กิ๊กหนุ่มให้พาไปฆ่า“หมอปอ” แค่บอกว่าจะไปเคลียร์ปัญหาส่วนตัว อ้าง “ไอ้เก่ง”ให้เงิน 7 พันไปซื้อปืน ตร.ยังไม่เชื่อ พร้อมเผยมือยิงสารภาพ ตั้งใจไปฆ่าว่าที่เจ้าสาว เพราะหมดรัก แต่ยังถูกบังคับให้แต่งงาน ซ้ำมีปัญหาเงินกู้ 1 ล้าน พบแล้วปืนลูกซองถูกทิ้งใต้สะพานห่างจุดเกิดเหตุ 15 กม.
จากกรณีคนร้ายสวมหมวกไอ้โม่งไหมพรมอำพรางใช้ปืนลูกซองสั้นบุกยิง นางสาวนนทิญา ครัวจัตุรัส หรือหมอปอ อายุ 25 เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)สลุย ว่าที่เจ้าสาว ตายภายในห้องนอนชั้นสองบ้านพักข้าราชการ ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลสองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาตำรวจจับควบคุมตัว นายรณชัย ปานชาติ หรือ เก่ง อายุ 26 ปี พนักงานช่างหน่วย EO การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) อ.หลังสวน จ.ชุมพร แหนหนุ่มของฟมอปอ และรับสารภาพเป็นผู้ก่อเหตุยิงว่าที่เจ้าสาวของตนเองตายคาห้องพักดังกล่าว
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.จ.ชุมพร พ.ต.อ.สำราญ มาเจริญ รอง ผบก.สอบสวน พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ พ่วงเพชร ผกก.สส.ภ.จ.ชุมพร พ.ต.อ.พุฒิพงษ์ พานิชศิลป์ ผกก.สภ.สลุย พร้อมกำลังเข้าควบคุมตัว น.ส.นฤมล ช่วยสมบัติ หรือ “สาว” อายุ 23 ปี ลูกจ้าง กฟภ.หลังสวน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชุมพร ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธไปในเมือง ในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
จากการสอบสวน น.ส.นฤมล ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเองคบหาสนิทสนมกับ นายรณชัย ปานชาติ หรือเก่ง ผู้ต้องหาฆ่าหมอปอ โดยก่อนเกิดเหตุนายเก่งได้ให้เงินตน จำนวน 7,000 บาท ไปซื้อหาอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก มาจากเพื่อนในหมู่บ้าน โดยอ้างว่ามีศัตรู จะเอาปืนไว้ใช้ป้องกันตัว ช่วงเกิดเหตุคืนวันที่ 18 ธันวาคม นายเก่งให้ตนขับรถเก๋งซูซุกิ สวิฟท์ ทะเบียน 4 กจ 5648 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของตนเอง ออกจากอำเภอหลังสวนตั้งแต่ช่วงเย็นให้ไปส่งที่หน้า รพ.สต.สลุย อ.ท่าแซะ ไปถึงในช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม โดยบอกว่าจะไปเคลียร์ปัญหาส่วนตัวกับหมอปอ
เมื่อส่งเสร็จตนขับรถออกไปทำธุระ จากนั้นหลังเที่ยงคืนนายเก่งได้โทรศัพท์ให้กลับเข้าไปรับเพื่อกลับหอพักที่อำเภอหลังสวน จากนั้นได้ขับรถไปตามถนนสายรองในหมู่บ้านโดยตลอดทางนายเก่งได้ให้ตนจอดรถนำสิ่งของบางอย่างทิ้งในลำคลองและป่าละเมาะหลายจุด โดยไม่คิดว่านายเก่งจะไปฆ่าหมอปอตายดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากพฤติกรรมตั้งแต่การจัดหาซื้ออาวุธปืนเถื่อน การเตรียมการ จนกระทั่งมาร่วมกันก่อเหตุฆ่าหมอปอและเส้นทางการขับรถหลบหนี ซึ่งระหว่างทางได้นำของกลางไปทิ้งไว้หลายจุด โดยตลอดเส้นทางทั้งขามาและกลับเจ้าหน้าที่มีหลักฐานจากภาพกล้องวงจรปิดหลายจุดซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญของพฤติกรรมที่กระทำร่วมกัน จึงเป็นหลักฐานในการขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดชุมพรดังกล่าว
หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ได้นำตัว น.ส.นฤมล ไปควบคุมที่ สภ.สลุย เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม และในวันที่ 23 ธ.ค.นี้จะพาไปขออำนาจศาลจังหวัดชุมพรฝากขังระหว่างสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.จ.ชุมพร กล่าวว่าก่อนหน้านี้ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ตำรวจได้กันตัว น.ส.นฤมลไว้เป็นพยานโดยไม่แจ้งข้อกล่าวหานั้น เบื้องทางตำรวจก็จะต้องสอบสวนในฐานเป็นพยานไว้ก่อนแต่ไม่ได้บอกว่าจะกันไว้เป็นพยาน ซึ่งหลังการสอบสวนมีหลักฐานเชื่อมโยงร่วมกันกระทำความผิดทางตำรวจก็ได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำไปสู่การออกหมายจับดังกล่าว
สำหรับนายเก่งว่าที่เจ้าบ่าวจากการรับสารภาพ ไม่ได้หวังทรัพย์สินเงินสินสอด ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด แต่ตั้งใจและเจตนาจะไปฆ่า เนื่องจากนายเก่งหมดรักกับหมอปอแล้ว และถูกกดดันให้แต่งงานอีก ทั้งมีปัญหาเรื่องเงินกู้ที่ผู้ต้องหาได้ไปกู้มา 1 ล้านบาทด้วย
พล.ต.ต.สนธิชัยกล่าวต่อว่า สำหรับทรัพย์สินทั้งเงินสินสอดและทองคำ 10 บาท ที่ทั้งฝ่ายครอบครัวหมอปอและครอบครัวของนายเก่งกล่าวอ้างกันไปมานั้น ตอนนี้ยังไม่ปรากฏชัดเจนว่าเป็นของฝ่ายใครและมีอยู่ที่ไหน เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นหลักของสำนวนการสอบสวน แต่อย่างไรก็ตามตนก็จะแสวงหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สลุย ได้คุมตัว นายรณชัย ปานชาติ ไปขออำนาจศาลจังหวัดชุมพรฝากขัง ระหว่างออกจากโรงพักผู้สื่อข่าวพยามสอบถามถึงมูลเหตุจูงใจนายเก่งตอบเพียงสั้นๆว่า ทุกอย่างเป็นข่าวไปหมดแล้ว และรีบเดินขึ้นรถยนต์สายตรวจที่ตำรวจจอดรออยู่พาไปฝากขังผัดแรก โดยคัดค้านการประกันตัว แต่ไม่มีพ่อแม่และญาติเดินทางมาขอประกันตัวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 11.30 น.วันเดียวกัน พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.จ.ชุมพร พ.ต.อ.พุฒิพงษ์ พานิชศิลป์ ผกก.สภ.สลุย พร้อมชุดประดาน้ำมูลนิธิชุมพร ไปดำหาอาวุธปืนของกลางตามที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพนำไปทิ้งที่สะพานคลองคตศอก ถนนอ่างทอง-บ้านกลาง หมู่ที่ 14 ตำบลหงส์เจริญ อ.ท่าแซะ ห่างจากจุดก่อเหตุฆาตกรรมหมอปอ 15 กิโลเมตร
จากการค้นหาพบอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ อยู่ในหมวกไอ้โม่งไหมพรมสีดำ ที่ถูกทิ้งอยู่ในพงหญ้าริมตลิ่งข้างลำคลองพร้อมกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ที่ยังไม่ได้ยิง จำนวน 1 นัด ส่วนปลอกกระสุนที่ใช้ก่อเหตุ นักประดาน้ำดำพบอยู่ในน้ำใกล้ตลิ่ง จึงเก็บรวมรวมไว้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดีส่งฟ้องต่อศาลต่อไป