บุรีรัมย์ - สานต่อพระราชปณิธาน “พ่อหลวง” ทึ่งหนุ่มใหญ่บุรีรัมย์ “ยังก์สมาร์ท ฟาร์มเมอร์” ต้นแบบหันหลังกลับมาพัฒนาบ้านเกิด พลิกชีวิตมั่งคั่งด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการทำเกษตรผสมผสาน ลดพื้นที่แปลงนาข้าวขยายคันนาปลูกฝรั่งกิมจูอินทรีย์ พืชผักสวนครัว และไม้ผล เก็บผลผลิตขายทั้งปี สร้างรายได้เพิ่มปีละกว่า 3 แสน พร้อมขยายผลแปรรูปและทำเกษตรแปลงใหญ่สร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่
นายสมพงษ์ นามปราศรัย หนุ่มใหญ่วัย 43 ปี ชาวบ้านม่วงเจริญ ต.สระทอง อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ Young Smart Farmer (YSF) ต้นแบบของจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ตนมั่งคั่งรวยความสุข ได้อยู่กับครอบครัว และได้กลับมาพัฒนาบ้านเกิด ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของ “พ่อหลวง” รัชกาลที่ ๙ มาเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมและพัฒนาบ้านเกิด
ที่นากว่า 18 ไร่ มรดกจากพ่อแม่ แปลงนาที่ทำมาตลอดชีวิตมักเป็นคันนาขนาดเล็กๆ แค่พอเดินเข้าไปแปลงนาได้เท่านั้นและอาชีพทำนาก็ทำปีละครั้งมีรายได้เป็นก้อนแค่ครั้งเดียว ระหว่างที่รอฤดูกาลผลิตต้องอพยพย้ายถิ่นฐานไปหางานอื่นทำในเมืองหลวงหรือต่างจังหวัด และต้นทุนการทำนาก็สูงขึ้นทุกวัน ยิ่งทำจึงยิ่งขาดทุนและจนซ้ำซากอยู่เช่นเดิม
เลยคิดปรับเปลี่ยนแปลงนาที่มีอยู่ด้วยการลดพื้นที่แปลงนาลงและไปเพิ่มขนาดคันนาให้ใหญ่ขึ้นเป็น ขนาดความกว้างประมาณ 4 เมตรและปลูกพืชเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของดินซึ่งจังหวัดบุรีรัมย์เป็นดินภูเขาไฟ แล้วจึงวางแผนการผลิต ออกแบบพื้นที่ฟาร์มทั้งหมด 18 ไร่ และวางระบบน้ำ เน้นลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต โดยแบ่งพื้นที่ 3 ไร่ไปปลูกหญ้าเนเปียร์ และกล้วยน้ำว้า เพื่อเป็นอาหารสัตว์ ส่วนกล้วยสามารถเก็บผลผลิตขายได้ตลอดทั้งปี
สำหรับบริเวณคันนาที่ขยายให้กว้างขึ้นนั้น ได้นำฝรั่ง พันธุ์กิมจู มาปลูกรวมกว่า 500 ต้น และปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ผล แซมตามพื้นที่ว่างอีกหลายชนิด เช่น มะละกอ ข่า ตะไคร้ มะนาว เป็นลักษณะแบบเกษตรผสมผสาน เพื่อลดความเสี่ยงจากการทำนาเพียงอย่างเดียว
ปัจจุบันถือว่าประสบผลสำเร็จ ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ได้นำเอาไปเป็นแบบอย่างและเข้ามาศึกษาดูงานจำนวนมาก
“ขณะนี้สามารถเก็บผลผลิตฝรั่งกิมจูส่งขายได้แล้วจำนวนกว่า 50 ต้น เฉลี่ยวันละ 5-10 กิโลกรัม มีรายได้เฉลี่ยวันละ 200- 300 บาท หรือเดือนละกว่า 10,000 บาท และ คาดว่าหากสามารถเก็บผลผลิตฝรั่งพันธุ์กิมจู ที่ปลูกไว้ตามนาทั้ง 500 ต้น ขายได้เต็มที่ จะทำให้มีรายได้เฉลี่ยเดือนละหลายแสนบาท” นายสมพงษ์กล่าว
นายสมพงษ์กล่าวอีกว่า ล่าสุดได้ต่อยอดงานด้านการเกษตรของตนเอง ด้วยการจัดตั้ง “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรปลอดภัยตำบลสระทอง” ขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์แบบครบวงจร ทั้งการปลูกพืชผัก ไม้ผล เลี้ยงสุกร ไก่ไข่ กบ และปลา อีกทั้งยังทำปุ๋ยหมักจากมูลสัตว์และน้ำหมักชีวภาพใช้เอง แทนการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและต้นทุนสูง ซึ่งนอกจากช่วยลดต้นทุนการผลิตแล้วยังปลอดภัยทั้งคนผลิตและผู้บริโภคด้วย
พร้อมดำเนินการสร้างแบรนด์ของตนเองขึ้นมาเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ที่นำเทคโนโลยีมาผสมผสานในการผลิต นำไปสู่สินค้าเกษตรแปรรูป โดยคำนึงการพัฒนาสินค้าที่ต้องสอดรับกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคทั้งคนไทยและต่างชาติด้วย และก้าวต่อไปคือ การรวมกลุ่มกันปลูกฝรั่งและพืชอินทรีย์ในรูปแบบเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มอำนาจการต่อรองด้านการตลาด