ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตกม้าตาย ภาพประจานทั่วโลก ทหารเรือยกพลขึ้นบก 40 ประเทศ พาเหรดลุยน้ำท่วมชายหาด ประชาชนถามทำไมไม่มีการบริหารจัดการที่ดี ทำเสียหายด้านภาพลักษณ์
กิจกรรมสวนสนามทางเรือนานาชาติ ฉลองครบรอบ 50 ปี อาเซียน เพิ่งผ่านไปหมาดๆ งานนี้มีกองทัพเรือจากทั้งใน และนอกอาเซียนนำเรือรบกว่า 29 ลำ กำลังพลกว่า 5,000 นาย เดินทางเข้าร่วมกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่ ในระหว่างวันที่ 13-22 พฤศจิกายน ซึ่งในวันที่ที่ 22 พฤศจิกายนนี้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานในการสวนสนามทางเรือ
ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่จัดได้อย่างสมเกียรติ ยิ่งใหญ่ ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างมาก ขณะที่ในงานยังมีการจัดกิจกรรมเสริมมากมาย เช่น การประชุมพหุภาคี ผบ.ทร.อาเซียน ครั้งที่ 11 การฝึกผสมพหุภาคีอาเซียนจากชาติพันธมิตร 9 ประเทศ ทั้งทางบก และทางทะเล การแข่งขันเรือยาวประเพณี การจัดนิทรรศการความก้าวหน้าเทคโนโลยีทางเรือในทศวรรษหน้า หรือ “ชิพเทค” การแข่งขันเครื่องบินชิงแชมป์โลก แอร์ เรซ วัน
รวมทั้งการเดินขบวนพาเหรดทางบก บริเวณชายหาดพัทยา ต่อด้วยการยิงพลุกว่า 1,300 นัด เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง โดยทั้งภาครัฐ เอกชนหวังว่ากิจกรรมครั้งนี้จะสร้างความตรึงตาตรึงใจ และยังเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมภาพลักษณ์ และการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาอย่างมีประสิทธิภาพ
งานกิจกรรมสวนสนามทางเรือนานาชาติ มีการเตรียมความพร้อมวางแผนมาเป็นระยะเวลากว่า 3 ปี หลังมีมติให้จัดงานจากการประชุม ผบ.ทร.อาเซียน ครั้งที่ 8 ในปี 2557 กระทั่ง ครม.มีมติให้จัดงานอย่างเป็นทางการ โดยเลือกพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เป็นสถานที่จัดงาน ซึ่งที่ผ่านมา มีการประชุมร่วมระหว่างกองทัพเรือ เมืองพัทยา กำลังตำรวจจากทุกสังกัดจังหวัดชลบุรี องค์กรภาคเอกชน และหน่วยงานอีกเป็นจำนวนมาก
เพื่อให้ร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานให้มีความยิ่งใหญ่สมเกียรติ ทั้งการปรับปรุงพื้นที่ท่าเรือบาลีฮาย ในงบประมาณนับร้อยล้านบาท การตกแต่งพื้นที่ท่าเทียบเรือบาลีฮาย พื้นที่ชายหาด การปรับปรุงถนนหนทาง ระบบสัญญาณไฟ ระบบความปลอดภัย การจัดระเบียบทุกประเภท ทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิด การเสริมกำลังทั้งทางบก ทางทะเล และอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก
โดยตลอดระยะเวลาของการจัดงานซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น ถือว่าเป็นไปด้วยดี และได้รับเสียงชมเชยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะจากกองทัพเรือมิตรประเทศกว่า 40 ประเทศ ที่เดินทางเข้าร่วมงาน จนไปถึงการจัดพิธีสวนสนามทางเรือในอ่าวพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งถือว่ามีความพร้อม และยิ่งใหญ่สมกับที่ได้วาดฝันไว้
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายกลับกลายเป็นเจ้าของพื้นที่เมืองพัทยา ที่ “ตกม้าตาย” ในช่วงกิจกรรมการเดินพาเหรดทางบกของกองทัพเรือ และนานาชาติมิตรประเทศกว่า 40 ชาติ รวมทั้งภาคเอกชน โดยใช้เส้นทางการเดินตลอดถนนแนวชายหาดพัทยาเหนือ ถึงพัทยาใต้ ซึ่งมีประชาชน และนักท่องเที่ยวแห่เข้าร่วมชมกันเป็นจำนวนเรือนหมื่นคน งานนี้ปรากฏว่า ก่อนการเดินพาเหรดทางบกไม่นานเกิดมีพายุฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังระดับความสูงกว่า 10-20 ซม.ตลอดแนวถนน สร้างภาพที่เสียหายต่อภาพของการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก เพราะมีการเผยแพร่ภาพทางโลกโซเชียล และสื่อต่างๆ ไปทั่วโลก
หลายคนบอกว่า เป็นเรื่องของภัยธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ก่อนหน้าการจัดไม่นาน กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเตือนว่า จะมีพายุดีเปรสชันเข้าสู่ประเทศไทย ในช่วงก่อนงานไปจนถึงวันที่ 21 พฤศจิกายน ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกได้รับผลกระทบ สุดท้ายจากการกรณีดังกล่าวก็ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังเหมือนเช่นเคยเกิดอยู่เป็นประจำ
ภาพที่ออกมาด้วยความเป็นกำลังพลทหารที่เข้มแข็ง อดทน ซึ่งไม่ยี่หระต่ออุปสรรคที่เกิดขึ้น แต่ความเสียหายจากระบบบริการจัดการ และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ แม้จะเป็นถนนเส้นที่ติดอยู่กับชายฝั่ง หรือทะเล ภาพของเหล่าทหารกล้าจากประเทศต่างๆ ต้องพากันเดินลุยน้ำตลอดระยะความยาวกว่า 3 กม. ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าขายหน้า น่าอับอาย และเสียหายต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างยิ่ง
ปัญหาน้ำท่วมพัทยาเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ แม้ว่าจะมีการวางแผนการแก้ไขมาหลายยุค หลายสมัย ใช้งบประมาณทั้งจากส่วนกลาง และท้องถิ่นไปนับพันนับหมื่นล้านบาท มีการจัดระเบียบการบุกรุกคลองสาธารณะ การวางแผนแม่บทเพื่อแก้ไขปัญหาหลายโปเจค หลายโครงการ สุดท้ายปัญหาเหล่านี้ก็ยังคงเป็น “ยาขม” ที่เมืองพัทยาไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้เบ็ดเสร็จได้ และสภาพเช่นนี้ก็คงจะเกิดขึ้นต่อไป หากภาครัฐไม่ก้าวเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะหากปล่อยไว้ตามแผน EEC ที่จะให้เมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก คงยากที่จะก้าวไปถึงแน่นอน