ศูนย์ข่าวศรีราชา - “บิ๊กป้อม” ลุยพัทยาเป็นประธานเปิดมหกรรมสวนสนามทางเรือ ต้อนรับทัพเรือมิตรประเทศอย่างเป็นทางการ ชี้เป็นสัญญาณที่ดีในการ่วมกันรักษาความมั่นคงในประเทศภูมิภาคอาเซียน+3+8
เช้าวันนี้ (19 พ.ย.) ที่ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานีพัทยา จ.ชลบุรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทวงกลาโหม เป็นประธานกล่าวต้อนรับบรรดาตัวแทนทัพเรือนต่างชาติที่เข้าร่วมงานมหกรรมสวนสนามทางเรือนานาชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี การก่อตั้งอาเซียน ที่กองทัพเรือไทยเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-22 พฤศจิกายน 2560
พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผบ.ทร.กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดครั้งนี้ว่า ผลสืบเนื่องมาจากการประชุม ผบ.ทร.อาเซียน ครั้งที่ 8 ที่กองทัพเรือเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร ที่มีมติเห็นชอบให้ทัพเรือไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดมหกรรมสวนสนามทางเรือนานาชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี การก่อตั้งอาเซียน กระทั่งต่อมา ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2558 เห็นชอบให้จัดกิจกรรมโดยให้มีความสมเกียรติ และยิ่งใหญ่ และส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยว โดยกิจกรรมนี้ กองทัพเรือได้ร่วมกับเมืองพัทยา และภาคเอกชนจัดกิจกรรมหลากหลายในพื้นที่เมืองพัทยา และใกล้เคียง
โดยมีกิจกรรมหลัก 3 ประเภท ประกอบด้วย 1.กิจกรรมสวนสนามทางเรือ ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 บริเวณอ่าวไทยตอนบน เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยมีเรือรบ 25 ลำ จาก 19 ประเทศ และเรือจากทัพเรือไทย อีก 15 ลำ รวมเป็น 40 ลำ เข้าร่วมกิจกรรม 2.การฝึกผสมพหุภาคีของภูมิภาคอาเซียนและนานาชาติ ทั้งทางบก และทางทะเล ครั้งที่ 1 และ 3.การประชุม ผบ.ทร.อาเซียน ครั้งที่ 11 ซึ่งมีกรอบสาระการคุ้มครองอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลเป็นหลัก
จากนั้น พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ ก่อนกระทำพิธีเปิดงานบริเวณแท่นสัญลักษณ์รูปพังงา ก่อนจะร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับ ผบ.ทร.และผู้แทนกองทัพเรือทั้งใน และนอกอาเซียนรวม 40 ประเทศ
จากนั้น พล.อ.ประวิตร รองนายกรับมนตรี และรัฐมนตรีว่าการประทรวงกลาโหม เปิดห้องแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยเปิดเผยว่า การจัดงานครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ทั้งนี้ถือได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดีถึงความสัมพันธ์ที่ดี และความร่วมมือกันระหว่างกองทัพเรือมิตรประเทศ ผลดีของไทยคือ ได้แสดงออกด้านศักยภาพการยอมรับ และความไว้วางใจในเรื่องความมั่นคงระดับภูมิภาค และเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดสันติภาพ และความเป็นเอกภาพของภูมิภาคอาเซียน+3+8 ที่จะก่อให้เกิดความสงบ และมั่นคงอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต