นครพนม - กลุ่มผู้เลี้ยงสุกรพื้นบ้าน หรือหมูกี่ เดือดร้อนหนัก หลังถูกหมูแช่แข็งจากเวียดนามแย่งตลาด กระทบตลาดหาย ทั้งต้องดัมป์ราคาแข่งจนขาดทุนหนัก รวมตัวยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่าน ผบ.มทบ.210 ให้เร่งแก้ปัญหาและช่วยเหลือชาวบ้านด่วน
วันนี้ (22 ก.ย. ) นายวิทยา ศรีธิราช ตัวแทนกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรพื้นเมือง บ้านกอก หมู่ 5 ต.ปลาปาก อ.ปลาปาก จ.นครพนม ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.ต.อรรถ สิงหัษฐิต ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 หลังจากผู้เลี้ยงสุกรในพื้นที่ 4 จังหวัด ประกอบด้วย นครพนม สกลนคร มุกดาหาร และกาฬสินธุ์ ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากปัญหาหมูแช่แข็งจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาตีตลาดในไทย ส่งผลกระทบต่อกลไกราคาสุกรตกต่ำและขายไม่ได้ และขอให้รัฐบาลเร่งหาทางช่วย
นายวิทยา ศรีธิราช ตัวแทนผู้เลี้ยงสุกรพื้นบ้าน 4 จังหวัด กล่าวถึงความเดือดร้อนว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงสุกรพันธุ์พื้นเมือง หรือชาวอีสานเรียกหมูกี่ ในพื้นที่ จ.นครพนม สกลนคร มุกดาหาร และ จ.กาฬสินธุ์ มากกว่า 100 ครอบครัว ต่างเดือดร้อนหลังจากเลี้ยงหมูชนิดนี้ตามปกติจะส่งไปขายให้พ่อค้าคนกลาง เพื่อนำลูกหมูที่ขุนเลี้ยงได้ 1 เดือนไปชำแหละทำหมูหันและหมูย่างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
แต่ปัจจุบันพ่อค้าคนกลางกลับไม่มารับซื้อเช่นเดิม เนื่องจากว่ามีหมูแช่แข็งพันธุ์เดียวกันจากประเทศเพื่อนบ้านส่งผ่านชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน จ.มุกดาหาร และ จ.อุบลราชธานี เข้ามาตีตลาดวันละกว่า 2,000 ตัว ส่งผลให้ผู้เลี้ยงสุกรในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจตามหมู่บ้านได้รับความเดือดร้อนหนัก ไม่มีพ่อค้านำรถบรรทุกมารับซื้อเช่นเคย
จากเดิมพ่อค้ามารับซื้อตัวละ 600-700 บาท แต่เมื่อมีลูกหมูทะลักเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก พ่อค้าคนกลางกดราคาตัวละ 400 บาท บวกลบค่าให้จ่าย เช่น ค่าหัวอาหาร ค่าขนส่ง เลี้ยงแล้วไม่ได้ราคาตามต้นทุนที่แท้จริง ทำให้ราคาตกต่ำ หลายครอบครัวต้องประสบปัญหาเดือดร้อนดังกล่าว จึงยื่นหนังสือเพื่อร้องเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้รัฐบาลเร่งหามาตรการช่วยเหลือด่วน
ด้าน พล.ต.อรรถ สิงหัษฐิต ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 กล่าวว่า จะทำหนังสือ เพื่อให้ปศุสัตว์จังหวัดและศุลกากรให้เข้มงวดเรื่องนี้ และรับทราบปัญหาของผู้ที่เดือดร้อนต่อไป