ตายายเลี้ยงวัวคิดฆ่าตัวตาย หลังถูกผู้ตรวจฯ สำนักนายกฯ ร้องบุกรุกป่า

ชัยนาท - ตา ยายเลี้ยงวัวคิดฆ่าตัวตาย พร้อมเข้าร้องขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนให้ช่วยเหลือ หลังถูกผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ร้องเป็นผู้มีอิทธิพลบุกรุกพื้นที่ป่า และทำลายป่า โดยสั่งอายัดทรัพย์สินทั้งหมด

วันนี้ (10 ส.ค.) นางอู๊ด สอนสุข อายุ 60 ปี และนายชู สอนสุข อายุ 66 ปี ตายายสองผัวเมีย มีอาชีพรับจ้าง และเลี้ยงวัว อาศัยอยู่กับหลานสาว อายุ 14 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 ม.7 ต.หาดอาษา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน หลังถูกข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง ร้องเรียนกล่าวหาว่า เป็นผู้มีอิทธิพล บุกรุกพื้นที่ป่า และทำลายป่า เนื้อที่ 5 ไร่เศษ บริเวณบ้านเขาดิน ม.7 ต.หาดอาษา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท

โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าจับกุมอายัดทรัพย์สิน บ้าน รถจักรยานยนต์ คอกวัว และวัว จำนวน 13 ตัว เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งที่ที่ดินดังกล่าวเป็นเพียงพื้นที่ดอนกลางทุ่งนา และทั้งสองใช้เป็นที่อยู่อาศัย และเลี้ยงวัวทำกินมานานกว่า 60 ปีแล้ว

นางอู๊ด สอนสุข กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่บนที่ดินแห่งนี้มาตั้งแต่เกิด อยู่มาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ แต่ไม่มีเอกสารสิทธิใดๆ เมื่อก่อนชาวบ้านหลายสิบครัวเรือนก็มาอาศัยอยู่ แต่ก็ได้ขยับขยายออกไป แต่ครอบครัวตนมีฐานะยากจน จึงยังคงอาศัยอยู่บนที่ดินแห่งนี้ และอยู่มานาน 60 ปีแล้ว

แต่เมื่อปี 2557 ได้มีข้าราชการระดับสูงคนหนึ่งได้มาซื้อที่นารอบๆ บริเวณที่ดินที่ตนอาศัยอยู่ และไปร้องเรียนต่อหน่วยราชการ กล่าวหาว่า ตนเป็นผู้มีอิทธิพล บุกรุกที่สาธารณะ ต่อมา ก็กล่าวหาว่าบุกรุกพื้นที่ป่า ทั้งที่ที่ดินแห่งนี้เป็นเพียงพื้นที่ดอน ไม่มีต้นไม้หวงห้าม มีแต่ต้นมะขามเทศ สะเดา มะม่วง มะพร้าว ซึ่งบางต้นสมัยรุ่นพ่อแม่ได้ปลูกไว้

แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด จู่ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้ามาจับ และอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของตน รวมทั้งวัว 13 ตัวด้วย โดยห้ามตนเคลื่อนย้าย หรือขายวัว ปิดทางทำมาหากินของตน และครอบครัว แม้ตนจะร้องให้หน่วยราชการช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครช่วยเหลือได้ ทำให้รู้สึกเครียดมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ และหวาดกลัวอิทธิพลของข้าราชการระดับสูงคนนี้มาก

จนกระทั่งเมื่อวานนี้ ระหว่างพาวัวไปเลี้ยงกลางทุ่ง เห็นต้นไม้ใหญ่ และเชือก จึงหยิบเชือกมาพันคอ หวังจะผูกคอตายทั้งสองคนผัวเมีย แต่ฉุกคิดถึงหลานสาว กลัวไม่มีใครดูแล จึงวางเชือกลงได้แต่นั่งร้องไห้กันสองคน จึงวอนขอสื่อมวลชนช่วยนำเสนอข่าว ขอให้ผู้มีอำนาจเข้ามาช่วยเหลือคนยากจนไม่มีที่ทำกินแล้วยังถูกคนมีสีรังแก

ขณะที่ชาวบ้านในหมู่บ้าน เมื่อทราบเรื่องต่างเดินทางไปให้กำลังใจสองตายาย และยืนยันว่าสองตายายไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพลใดๆ เป็นเพียงคนรับจ้างหาเช้ากินค่ำ และที่ดินดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นพื้นที่ป่าไม้ ชาวบ้านหลายคนก็เคยอาศัยอยู่ที่แห่งนี้มาก่อน จึงไม่ทราบว่า ผู้ร้องเรียนต้องการอะไรกันแน่

สาเหตุที่เกิดขึ้นนั้น สืบเนื่องจากการที่ นางภัทรภร ฐิติยาภรณ์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ไปร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยนาท ว่า นางอู๊ด และนายชู ได้บุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ บริเวณบ้านเขาดิน ม.7 ต.หาดอาษา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท และเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2560 เวลา 17.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้เข้าไปจับกุม และยึดทรัพย์ของสองตายาย ฐานกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ฐานก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่าหรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน เนื่องจากไม่มีเอกสารสิทธิที่ดิน

โดยตำรวจสถานีตำรวจภูธรสรรพยา ได้เรียกตัวสองตายายให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว และได้ปล่อยตัวไป แต่ได้บันทึกอายัดทรัพย์สินซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวใต้ถุนโล่ง ห้องน้ำตั้งอยู่ติดกับบ้าน รถจักรยานยนต์ คอกวัว 2 คอก และวัว จำนวน 13 ตัว โดยห้ามทำการต่อเติม เคลื่อนย้าย หรือ จำหน่ายใดๆ ทั้งสิ้น ต้องประสบปัญหาหนักเพราะวัวที่เลี้ยงก็กู้เงินมาซื้อ จะขายปลดหนี้ก็ไม่ได้ จึงร้องสื่อมวลชนให้ช่วย