สุราษฎร์ธานี - 3 พ่อแม่ลูก “คงชะวัน” เดือดร้อนหนัก วอนสื่อช่วยหลังถูกนายทุนบุกรุกครอบครองที่สาธารณประโยชน์ทุ่งลาดน้ำบางลาย ขุดคูน้ำปิดถนนทางเข้าออกสวนยางพารา จนเข้าทำกินไม่ได้นานถึง 10 ปี ระบุที่ผ่านมา ร้องทุกช่องทางแต่ไม่ได้รับการแก้ไข แถมถูกขู่ฆ่าล้างครัว จนแม่เครียดจัดต้องพึ่งหมอโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ ในขณะพ่อยันหากปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข จะพาครอบครัวคลานเข้าทำเนียบเข้าขอพึ่งบารมีนายกตู่
วันนี้ (31 ก.ค.) นายประมวล คงชะวัน อายุ 64 ปี นางประไพ คงชะวัน อายุ 60 ปี และนายกิตติพงศ์ คงชะวัน อายุ 33 ปี 3 พ่อแม่ลูกได้นำทีมผู้สื่อข่าวเข้าดูพื้นที่สวนยางพารา ที่มีอายุกว่า 30 ปี ในพื้นที่ จำนวน 5 ไร่เศษ แต่ไม่สามารถเข้าทำประโยชน์ตัดกรีดน้ำยางได้มานานถึง 10 ปี เนื่องจากมีการขุดคูน้ำปิดทางเข้าออก
นายประมวล กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่มรดกตกทอด และมีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดิน เลขที่ 16696 ครอบครอง ซึ่งก่อนหน้านี้ ประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวได้ใช้ถนนสาธารณประโยชน์ เป็นเส้นทางเข้าออกสวนยางพารามาโดยตลอด ต่อมา เมื่อประมาณ 2548 มีผู้บุกรุกเข้าครอบครองพื้นที่สาธารณประโยชน์ทุ่งน้ำลาดบางลาย บ้านหารเพชร หมู่ที่ 6 ตำบลทุ่งหลวง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี บริเวณรอยต่อกับพื้นที่สวนยางพาราของตนเอง
พร้อมทั้งยึดครอบครองถนนสาธารณประโยชน์เส้นดังกล่าว ปลูกพืชปาล์มน้ำมัน และยึดครองพื้นที่สาธารณประโยชน์ทุ่งน้ำลาดบางลาย จำนวนกว่า 80 ไร่ พร้อมตัดที่ดินเปล่าแบ่งขายเป็นล็อกให้แก่คนทั่วไป โดยขายล็อกละ 200,000 บาท พร้อมทั้งใช้รถแบ็กโฮขุดคูร่องน้ำลึกกว่า 5 เมตร กว้างกว่า 3 เมตร ไม่ให้ครอบครัวตนใช้เส้นทางเข้าออกสวนยางได้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 เป็นต้นมา
นอกจากนั้น ผู้ทรงอิทธิพลได้พูดข่มขู่ไม่ให้ครอบครัวตนเองเข้าไปในพื้นที่ หากผู้หนึ่งผู้ใดเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตจะใช้ปืนยิงให้ตายอยู่ตรงนั้น จึงทำให้ครอบครัวตนหวาดกลัวไม่กล้าเดินผ่านเส้นทางดังกล่าว และไม่ได้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่สวนยางพารามา ประมาณ 10 ปี
หลังเกิดเหตุ ทางครอบครัวตนได้ทำหนังสือร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมตามขั้นตอนต่างๆ ไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น นายอำเภอเวียงสระ สำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาอำเภอเวียงสระ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี หัวหน้า คสช.มณฑลทหารบกที่ 45 ค่ายวิภาวดี และล่าสุด ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ขณะนี้เรื่องยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ทุกวันนี้ได้บ่นแต่น้อยใจในโชควาสนายิ่งนัก จึงขอวอนสื่อช่วยให้เป็นข่าวเพื่อจะได้รับการแก้ไขโดยเร็ว
ด้าน นางประไพ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุพยายามเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมแต่ไม่เป็นผล ทางครอบครัวเดือดร้อนหนัก ขาดรายได้เข้ามาจุนเจือครอบครัว จนทำให้ตนคิดมากนอนไม่หลับ และเครียดจัดจากปัญหาดังกล่าว ซึ่งตลอดเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ตนต้องกินยากล่อมประสาทจากโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ อย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ยอมรับว่า หมดหนทางที่พึ่งพาหน่วยงานราชการ จึงขอให้ผู้สื่อข่าวนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องให้ทางผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องได้เห็น และเร่งแก้ไขปัญหาให้ครอบครัวตนเองสามารถมีเส้นทางเข้าออกไปทำกินในพื้นที่ของตนเองได้ต่อไป โดยไม่ถูกรังควานจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
จากนั้น นายประมวล ยังได้ชี้จุดที่ทางเจ้าหน้าที่ที่ดินได้ปักหมุดแนวเขตพื้นที่สาธารณประโยชน์ที่ถนนสาธารณประโยชน์อยู่ในแนวเขตสาธารณประโยชน์ทุ่งน้ำลาดบางลาย พร้อมกล่าวยืนยัน ว่า หากผู้สื่อข่าวดำเนินการช่วยเหลือไม่ได้ ตนจะนำครอบครัวเข้าขอความช่วยเหลือจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยจะนำครอบครัวคลานจากประตูทำเนียบไปจนถึงประตูห้องทำงานนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายกฯ เห็นใจ และให้ความช่วยเหลือ
เนื่องจากตนหมดหนทางแล้วจริงๆ ทั้งที่พื้นที่ตนมีเอกสารครอบครองถูกต้อง เส้นทางเข้าออกเดิมๆ เป็นถนนสาธารณประโยชน์ แต่ถูกนายทุนผู้ทรงอิทธิพลบุกรุกเข้าครอบครอง ร้องไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยงข้องแต่เรื่องไม่คืบ ต้องทนทุกข์มานานนับ 10 ปี
วันนี้ (31 ก.ค.) นายประมวล คงชะวัน อายุ 64 ปี นางประไพ คงชะวัน อายุ 60 ปี และนายกิตติพงศ์ คงชะวัน อายุ 33 ปี 3 พ่อแม่ลูกได้นำทีมผู้สื่อข่าวเข้าดูพื้นที่สวนยางพารา ที่มีอายุกว่า 30 ปี ในพื้นที่ จำนวน 5 ไร่เศษ แต่ไม่สามารถเข้าทำประโยชน์ตัดกรีดน้ำยางได้มานานถึง 10 ปี เนื่องจากมีการขุดคูน้ำปิดทางเข้าออก
นายประมวล กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่มรดกตกทอด และมีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดิน เลขที่ 16696 ครอบครอง ซึ่งก่อนหน้านี้ ประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวได้ใช้ถนนสาธารณประโยชน์ เป็นเส้นทางเข้าออกสวนยางพารามาโดยตลอด ต่อมา เมื่อประมาณ 2548 มีผู้บุกรุกเข้าครอบครองพื้นที่สาธารณประโยชน์ทุ่งน้ำลาดบางลาย บ้านหารเพชร หมู่ที่ 6 ตำบลทุ่งหลวง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี บริเวณรอยต่อกับพื้นที่สวนยางพาราของตนเอง
พร้อมทั้งยึดครอบครองถนนสาธารณประโยชน์เส้นดังกล่าว ปลูกพืชปาล์มน้ำมัน และยึดครองพื้นที่สาธารณประโยชน์ทุ่งน้ำลาดบางลาย จำนวนกว่า 80 ไร่ พร้อมตัดที่ดินเปล่าแบ่งขายเป็นล็อกให้แก่คนทั่วไป โดยขายล็อกละ 200,000 บาท พร้อมทั้งใช้รถแบ็กโฮขุดคูร่องน้ำลึกกว่า 5 เมตร กว้างกว่า 3 เมตร ไม่ให้ครอบครัวตนใช้เส้นทางเข้าออกสวนยางได้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 เป็นต้นมา
นอกจากนั้น ผู้ทรงอิทธิพลได้พูดข่มขู่ไม่ให้ครอบครัวตนเองเข้าไปในพื้นที่ หากผู้หนึ่งผู้ใดเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตจะใช้ปืนยิงให้ตายอยู่ตรงนั้น จึงทำให้ครอบครัวตนหวาดกลัวไม่กล้าเดินผ่านเส้นทางดังกล่าว และไม่ได้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่สวนยางพารามา ประมาณ 10 ปี
หลังเกิดเหตุ ทางครอบครัวตนได้ทำหนังสือร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมตามขั้นตอนต่างๆ ไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น นายอำเภอเวียงสระ สำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาอำเภอเวียงสระ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี หัวหน้า คสช.มณฑลทหารบกที่ 45 ค่ายวิภาวดี และล่าสุด ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ขณะนี้เรื่องยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ทุกวันนี้ได้บ่นแต่น้อยใจในโชควาสนายิ่งนัก จึงขอวอนสื่อช่วยให้เป็นข่าวเพื่อจะได้รับการแก้ไขโดยเร็ว
ด้าน นางประไพ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุพยายามเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมแต่ไม่เป็นผล ทางครอบครัวเดือดร้อนหนัก ขาดรายได้เข้ามาจุนเจือครอบครัว จนทำให้ตนคิดมากนอนไม่หลับ และเครียดจัดจากปัญหาดังกล่าว ซึ่งตลอดเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ตนต้องกินยากล่อมประสาทจากโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ อย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ยอมรับว่า หมดหนทางที่พึ่งพาหน่วยงานราชการ จึงขอให้ผู้สื่อข่าวนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องให้ทางผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องได้เห็น และเร่งแก้ไขปัญหาให้ครอบครัวตนเองสามารถมีเส้นทางเข้าออกไปทำกินในพื้นที่ของตนเองได้ต่อไป โดยไม่ถูกรังควานจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
จากนั้น นายประมวล ยังได้ชี้จุดที่ทางเจ้าหน้าที่ที่ดินได้ปักหมุดแนวเขตพื้นที่สาธารณประโยชน์ที่ถนนสาธารณประโยชน์อยู่ในแนวเขตสาธารณประโยชน์ทุ่งน้ำลาดบางลาย พร้อมกล่าวยืนยัน ว่า หากผู้สื่อข่าวดำเนินการช่วยเหลือไม่ได้ ตนจะนำครอบครัวเข้าขอความช่วยเหลือจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยจะนำครอบครัวคลานจากประตูทำเนียบไปจนถึงประตูห้องทำงานนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายกฯ เห็นใจ และให้ความช่วยเหลือ
เนื่องจากตนหมดหนทางแล้วจริงๆ ทั้งที่พื้นที่ตนมีเอกสารครอบครองถูกต้อง เส้นทางเข้าออกเดิมๆ เป็นถนนสาธารณประโยชน์ แต่ถูกนายทุนผู้ทรงอิทธิพลบุกรุกเข้าครอบครอง ร้องไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยงข้องแต่เรื่องไม่คืบ ต้องทนทุกข์มานานนับ 10 ปี