กาฬสินธุ์ - เครือข่ายภาคประชาชน จ.กาฬสินธุ์ ยื่นหนังสือให้ยุติแก้กฎหมายบัตรทองถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์ดำรงธรรมกาฬสินธุ์ ย้ำกฎหมายเดิมดีอยู่แล้ว ห่วงแก้กฎหมายทำประชาชนเข้าถึงยาลำบาก ทั้งประชาชนได้ร่วมจ่ายค่ารักษามากขึ้น ย้ำพร้อมเคลื่อนไหวคัดค้านให้ถึงที่สุด
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ห้องประชุมศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ กลุ่มศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน (เครือข่ายผู้หญิง) จังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้แทนเครือข่ายเยาวชน และผู้แทนเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี จ.กาฬสินธุ์ นำโดย นายทรัพย์สุริยา อุทโท ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องขอให้ยุติกระบวนการแก้ไขกฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมี นายมงคล อดทน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ และหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ รับหนังสือพร้อมทั้งแลกเปลี่ยนเนื้อหาที่ประชาชนจะเสียประโยชน์จากการแก้ไข พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 หรือกฎหมายบัตรทอง
ด้าน นายทรัพย์สุริยา อุทโท ผู้แทนเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากเครือข่ายให้มายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี กรณีให้ยุติกระบวนการแก้ไขกฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ติดตามกระบวนการแก้ไขกฎหมาย เห็นว่า ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน อีกทั้ง 15 ปีที่ผ่านมาของการใช้กฎหมายดังกล่าวประชาชนได้รับประโยชน์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ยาที่เคยมีอุปสรรคการเข้าถึงยาเพราะราคาแพง เมื่อ สปสช.จัดซื้อยาทำให้กลุ่มตนเข้าถึงยา สามารถลดปัญหาโรคแทรกซ้อนการเสียชีวิต
แต่เมื่อเนื้อหาแก้ไขโดยรวมแล้วทำลายเจตนารมณ์ระบบหลักประกันสุขภาพที่คุณหมอสงวน นิตยารัมย์พงศ์ เป็นผู้บุกเบิก เช่น สัดส่วนคณะกรรมการที่เพิ่มกลุ่มผู้แทนผู้ให้บริการมากกว่าผู้แทนภาคประชาชน จะกลายเป็นคณะกรรมการของหน่วยบริการ โน้มเอียงที่จะปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มมากกว่าประโยชน์ประชาชน การให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดซื้อยาแทน สปสช.ย่อมมองไม่เห็นหลักประกันว่า กลุ่มผู้ป่วยจะเข้าถึงยา และยาที่ใช้รักษาโรคที่พบไม่บ่อยที่เรียกกันว่ายากำพร้า
“ยิ่งเคยมีกรณีการทุจริตซื้อยาในกระทรวงสาธารณสุข 1,400 ล้านบาท ยิ่งหมดหวัง หากกระบวนการแก้ไขกฎหมายแย่ยิ่งกว่าเดิม ทางกลุ่มตนพร้อมที่จะเคลื่อนไหวอย่างถึงที่สุด เพราะเป็นเรื่องของชีวิต ย่อมเดิมพันกันด้วยชีวิต” นายทรัพย์สุริยา กล่าว
ด้าน นางเยาวรัตน์ ไชยหอม ผู้ทำงานกับกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การแก้ไขกฎหมายบัตรทอง เป็นเรื่องที่กระทบต่อคนชนบทอย่างมาก เพราะดูจากเนื้อหาหลักๆ แล้วไม่มีหลักประกันใดๆ แก่ประชาชน เช่น เรื่องการจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มว่าประชาชนจะต้องได้ร่วมจ่ายมากขึ้น เป็นภาระของประชาชนที่ต้องไปขายทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่เพื่อนำมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล
รวมถึงการขาดแคลนหมอ จะส่งผลให้หมอย้ายเข้ามาในโรงพยาบาลใหญ่ๆ หรือเมืองที่เจริญแล้ว หากแก้แล้วแย่ลง ทางเครือข่ายของตนก็พร้อมที่จะเคลื่อนไหวให้ถึงที่สุด เพื่อปกป้องสืบสานเจตนารมณ์ระบบหลักประกันสุขภาพที่คุณหมอสงวน นิตยารัมย์พงศ์ เป็นผู้ริเริ่มต่อไป
