แพร่ - ชาวร้องกวาง-หนองม่วงไข่หลังพิงฝา ร้องศูนย์ดำรงธรรมฯ แพร่ ครวญถูกทายาทนักการเมืองขอออกเอกสารสิทธิทับที่ ส.ค.1 ที่ทำกินมาตั้งแต่ปู่ย่าตาทวด บอกขอสู้ให้ถึงที่สุด-ไม่มีที่ไปแล้ว เผยมีคนโดนขู่จนต้องทิ้งที่ดินหนีเอาชีวิตรอดไม่ต่ำกว่า 2 ราย
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ชาวบ้าน อ.ร้องกวาง อ.หนองม่วงไข่ จ.แพร่ รวมกว่า 20 ราย กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักถูกทายาทนักการเมืองบางคนยื่นขอออกเอกสารสิทธิทับที่ดิน ส.ค.1 ที่ถือครองกันมาตั้งแต่ปู่ย่าตาทวด ครอบครัวละ 2 ไร่ 3 ไร่ บางรายก็มีอยู่ 5 ไร่ และใช้ทำกินกันมาตลอดหลายชั่วอายุคน จนต้องพากันร้องขอพิสูจน์สิทธิผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่อีกครั้ง หลังจากเคยร้องถึง คสช.ผ่านทหาร ม.พัน.12 ค่ายพระยาไชยบูลย์ แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
ล่าสุดพบว่า นายสุริยัน สะอิ้งแก้ว นายช่างรังวัดที่ดิน สำนักงานที่ดินอำเภอร้องกวาง จ.แพร่ ได้เดินทางเข้ารังวัดตรวจสอบที่ดินที่มีข้อพิพาทระหว่างชาวบ้านกับทายาทนักการเมืองใหญ่ บริเวณหมู่ 2 ต.วังหลวง อ.หนองม่วงไข่ จ.แพร่ ตามคำสั่งของศูนย์ดำรงธรรมฯ เพื่อพิสูจน์หลักฐานการถือครอง แต่มีการสำรวจเพียง 2 รายเท่านั้นจากผู้ที่เดือดร้อนเกือบ 20 ราย
นายวิเชียร วังสิงห์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115/1 หมู่ 2 ต.วังหลวง อ.หนองม่วงไข่ จ.แพร่ กล่าวว่า ที่ดินที่มีนักการเมืองมาสวมสิทธิออกโฉนดอยู่หลายจุด แต่จุดที่ร้องเรียนนี้มีผู้ถือครองอยู่ 11 รายที่ได้รับมรดกสืบทอดมาจากปู่ย่าตายายคนละ 2 ไร่ 3 ไร่ ไม่เกิน 5 ไร่ โดยยังมีหลักฐานเอกสารสิทธิเดิมๆ ที่เก็บรักษาไว้ทั้งหมด สามารถยืนยันได้ และก็ทำกินมาตลอดไม่ได้ละทิ้งที่ดินแต่อย่างได
แต่จู่ๆ ปี 2558 พบว่ามีบุคคลอื่นคือ ทายาทนักการเมืองคนหนึ่งเข้ามานำไปออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. ทับที่ดินของพวกตน จึงได้ไปสอบถามสำนักงานที่ดินฯ แต่ก็ไม่ได้ความกระจ่าง ชาวบ้านจึงรวมตัวกันไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่หลายวันแล้ว กระทั่งเจ้าพนักงานรังวัดที่ดินเพิ่งเข้ามาดูโดยมีตัวแทนของนักการเมืองเข้ามาดูด้วย
นายอินทรเดช อินทร์ทอล ชาวบ้านอีกราย บอกว่า มีชาวบ้านมากกว่า 2 รายที่ถูกข่มขู่ จนต้องทิ้งที่ดินของตนเองไปเพราะกลัวความไม่ปลอดภัยที่จะมาถึงครอบครัวตัวเอง แต่พวกตนไม่มีที่ดินที่ไหนแล้ว และเป็นกลุ่มญาติพี่น้องกันหมด จึงต้องปักหลักสู้
“เวลาชาวบ้านขอออกเอกสารสิทธิทำไมยุ่งยาก แต่พอนักการเมืองขอออกเอกสารสิทธิทับทำไมง่าย โดยผู้ถือครองอยู่ไม่รู้เรื่องเลย”
นายอินทรเดชบอกว่า นอกจากจะจัดการเรื่องที่ดินของพวกตนแล้ว อยากให้รัฐบาล คสช.ช่วยตรวจสอบช่องทางการออกเอกสารสิทธิของนักการเมืองทับที่ชาวบ้านว่า ขั้นตอนของระบบราชการทำได้อย่างไร ในขณะที่ชาวบ้านไปออกโฉนดนั้นยากที่สุด จนไม่สามารถทำได้
“พวกเรามีที่ดินผืนนี้มาตั้งแต่ปู่ทวดในปี พ.ศ. 2477 ปี พ.ศ. 2553 เจ้าหน้าที่ที่ดินก็เคยเดินสำรวจ และมารังวัดที่ดินของพวกเรา แต่ไม่ออกโฉนดให้ สุดท้ายกลับมีนักการเมืองมาออกเอกสารสิทธิทับที่ คิดตามประสาชาวบ้าน สำนักงานทีดินจังหวัดแพร่น่าจะมีพฤติกรรมที่ไม่ชอบมาพากล อยากให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย ชาวบ้านขอร่วมปฏิรูประบบราชการด้วยคน โดยเอาที่ดินพิพาทเป็นกรณีตัวอย่างไปเลย”